เผยผิวสวยอย่างมั่นใจ ปัญหาริ้วรอยแห่งวัยตัดจบได้ด้วยการฉีดฟิลเลอร์ เสริมความมั่นใจ พร้อมคืนความสดใสในสไตล์ที่เป็นคุณ ปัญหาริ้วรอยจุดไหนก็เอาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ฟิลเลอร์แก้มส้ม ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดฟิลเลอร์ ปากกระจับ ฟิลเลอร์คาง เติมเต็มริ้วรอยอย่างปลอดภัย การันตีเห็นผลลัพธ์ชัดเจนทันทีหลังทำ ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการที่ PEWDEE CLINIC
รู้จักฟิลเลอร์คืออะไร การฉีดฟิลเลอร์ ช่วยเรื่องผิวได้อย่างไร?
ฟิลเลอร์ คือ สารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid หรือ HA ซึ่งเป็นสารที่ร่างกายสามารถสร้างขึ้นได้ แต่เมื่ออายุมากขึ้นปริมาณ HA ก็จะลดลง ทำให้ผิวหนังขาดความชุ่มชื้น เกิดริ้วรอยร่องลึกต่าง ๆ การฉีดฟิลเลอร์ จึงเป็นการเติมเต็มร่องลึกในชั้นผิวที่เสื่อมสภาพ รวมถึงบริเวณชั้นผิวที่เริ่มมีการยุบตัวลง ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ทำให้ผิวเรียบเนียน อิ่มน้ำ ดูอ่อนกว่าวัย พร้อมชะลอการเกิดริ้วรอยในอนาคตได้ นอกจากนี้ ฟิลเลอร์ยังมีคุณสมบัติคงตัว ไม่สลายง่าย การฉีดฟิลเลอร์ จึงนิยมฉีดตามจุดต่าง ๆ บนใบหน้า เพื่อแก้ไขหรือเสริมใบหน้าให้ดูมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น เช่น ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา ฟิลเลอร์จมูก ฟิลเลอร์ร่องแก้ม ฉีดฟิลเลอร์คาง ฟิลเลอร์ปาก โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด
ทำไมต้องฉีดฟิลเลอร์ การฉีดฟิลเลอร์ ดีต่อผิวหน้าอย่างไร?
นอกจากการฉีดฟิลเลอร์จะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย พร้อมเสริมความชุ่มชื้นให้กับผิวแล้ว การฉีดฟิลเลอร์ยังมีข้อดีด้านอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ผ่านการรับรองอย. มีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
- สามารถสลายได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
- สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ หรือเติมสลายออกโดยไม่เป็นอันตราย
- ฟื้นฟูผิวบริเวณที่มีปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอย และปรับโครงสร้างใบหน้า
- เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันที โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
อัปเดตฉีดฟิลเลอร์ ราคาดีที่สุด เฉพาะเดือนนี้กับ PEWDEE CLINIC
ฉีดฟิลเลอร์ ราคาเท่าไรนั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ ตำแหน่งที่ฉีด จำนวน CC ที่ใช้ในการฉีด และโปรโมชันของแต่ละคลินิกหรือสถานพยาบาล ฉีดฟิลเลอร์ ปากกระจับ ฉีดฟิลเลอร์คาง ฉีดฟิลเลอร์หน้าผาก ฉีดฟิลเลอร์ปาก ราคาพิเศษที่สุด ต้อง PEWDEE CLINIC คลินิกชำนาญการด้านความงามชั้นนำในไทย ทั้งเทคโนโลยีและนวัตกรรม ผ่านมาตรฐานระดับสากล พร้อมบริการด้วยความใส่ใจโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ มั่นใจปลอดภัย เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงจริง สำหรับผู้ที่สนใจฉีดฟิลเลอร์ ราคาสุดคุ้น สามารถติดตามแพ็กเกจและโปรโมชันได้ที่นี่
ฉีดฟิลเลอร์ สามารถฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
การฉีดฟิลเลอร์ในปัจจุบัน สามารถฉีดได้หลายตำแหน่งบนใบหน้า ขึ้นอยู่กับปัญหาผิว หรือความต้องการของลูกค้า โดย 5 ตำแหน่งต่อไปนี้ เป็นบริเวณที่ลูกค้า PEWDEE CLINIC นิยมเลือกฉีดฟิลเลอร์ ได้แก่ ขมับ ใต้ตา ร่องแก้ม คาง และปาก โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ฟิลเลอร์ขมับ
เมื่ออายุมากขึ้นผิวหน้าก็เริ่มหย่อนคล้อย ยิ่งขมับตอบ ยิ่งทำให้โหนกแก้มเด่นชัด แถมหางคิ้วดูตก ดูอายุมากเข้าไปอีก การฉีดฟิลเลอร์ขมับ จึงเป็นทางเลือกแรก ๆ ที่หลายคนเลือก เพราะนอกจากจะเจ็บน้อยกว่าการผ่าตัดมากแล้ว การฉีดฟิลเลอร์บริเวณขมับยังเป็นการปรับรูปหน้าให้ดูละมุน ยกหางตาและหางคิ้วตกขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ไปในตัวอีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา
บริเวณใต้ตาเป็นอีกหนึ่งตำแหน่งที่ได้รับความนิยมในไทย ด้วยความรับผิดชอบที่มากขึ้นตามตัว ทำให้หลายคนมีความเครียดสะสม พักผ่อนน้อย ประกอบกับอายุที่มากขึ้น ทำให้แนวกระดูกและชั้นไขมันใต้ตาทรุดตัว ส่งผลให้ผิวใต้ตาหย่อนคล้อย เกิดเป็นริ้วรอย หรือถุงใต้ตา ซึ่งการฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา สามารถแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างตรงจุด
ฟิลเลอร์ร่องแก้ม
นอกจากหน้าผากและใต้ตาแล้ว ริ้วรอยร่องแก้มเองก็เป็นบริเวณที่เห็นชัดมาก ๆ เช่นกัน ซึ่งเกิดจากไขมันและกระดูกบริเวณร่องแก้มน้อยลงตามอายุที่มากขึ้น หลายคนจึงเลือกฉีดฟิลเลอร์ร่องแก้ม เพื่อเติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นขึ้น กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น กระชับ และดูเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์คาง
การฉีดฟิลเลอร์คาง เป็นอีกหนึ่งจุดที่ช่วยปรับรูปหน้าให้ดูเรียวยาวมากยิ่งขึ้น แก้ไขปัญหาคางสั้น คางบุ๋ม คางไม่เท่ากัน ทำให้หน้าดุ รูปหน้าไม่เรียวได้อย่างตรงจุด หลังฉีดฟิลเลอร์รูปหน้าจะดูเป็นธรรมชาติ โดยที่ไม่ต้องศัลยกรรมให้เจ็บตัวอีกด้วย
ฟิลเลอร์ปาก
ฟิลเลอร์ปาก เป็นการปรับทรงปากให้ดูเต็มได้รูป แก้ปัญหาปากบาง ปากไม่เท่ากัน ริมฝีปากแห้ง ปากไม่ได้รูป หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ฉีดฟิลเลอร์ ปากกระจับจะพบการเปลี่ยนแปลงที่ริมฝีปากได้อย่างชัดเจน ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น ปรับรูปปากกระจับ สายฝอได้ตามที่ต้องการในขั้นตอนเดียว
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งต้องใช้กี่ CC
การฉีดฟิลเลอร์แต่ละตำแหน่งจะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ที่ไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับปัญหาผิวในแต่ละจุด และความต้องการของแต่ละบุคคล ซึ่งโดยทั่วไปปริมาณฟิลเลอร์ในแต่ละตำแหน่ง จะมีรายละเอียด ดังนี้
- ฟิลเลอร์ขมับ : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 CC ต่อ 1 ข้าง
- ฉีดฟิลเลอร์ใต้ตา : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 CC ต่อ 1 ข้าง
- ฟิลเลอร์ร่องแก้ม : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 CC ต่อ 1 ข้าง
- ฟิลเลอร์คาง : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-3 CC
- ฟิลเลอร์ปาก : ใช้ฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC
เลือกฉีดฟิลเลอร์ ยี่ห้อไหนดี? แต่ละยี่ห้อมีจุดเด่นยังไง?
ฟิลเลอร์ในปัจจุบันมีให้เลือกหลากหลายยี่ห้อ ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็จะมีจุดเด่นและคุณสมบัติที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมของปัญหาผิว และตำแหน่งที่จะฉีดฟิลเลอร์ ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการพิจารณา เพื่อเลือกยี่ห้อฟิลเลอร์ที่เหมาะสมกับผิว โดยทาง PEWDEE CLINIC มีฟิลเลอร์ทั้งหมด 3 ยี่ห้อ ได้แก่ Juvederm, Restylane และ Belotero
ฟิลเลอร์ Juvederm
Juvederm เป็นฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกา ผลิตโดยบริษัท Allergan ผ่านการรับรองจากอย.ไทย สหรัฐอเมริกา (USFDA) และยุโรป (EDQM) โดยจุดเด่นของฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้ คือ เทคโนโลยี Hylacross และ Vycross อุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง มีอัตราการบวมน้ำน้อย หลังฉีดฟิลเลอร์ ผิวจะมีความเรียบเนียน สามารถขยับใบหน้าได้โดยไม่ต้องกังวลว่าจะเป็นก้อน
ฟิลเลอร์ Restylane
อีกหนึ่งแบรนด์ฟิลเลอร์ชั้นนำ สัญชาติสวีเดน ผ่านการรับรองจาก US FDA เกาหลีใต้ อย.ไทย และยุโรป (EDQM) จุดเด่นอยู่ที่ขนาดโมเลกุลฟิลเลอร์ และการใช้เทคโนโลยี NASHA (Non-Animal Stabilized Hyaluronic Acid) และ OBT (Optimal Balance Technology) มีความคงตัวสูง ช่วยเติมเต็มริ้วรอยบนใบหน้าให้เรียบเนียนได้ พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว
ฟิลเลอร์ Belotero
และ Belotero เป็นฟิลเลอร์จากสวิตเซอร์แลนด์ ผ่านการรับรองจากอย.ไทย สหรัฐอเมริกา (USFDA) และยุโรป EDQM เช่นเดียวกัน โดยฟิลเลอร์ยี่ห้อนี้จะมีความคงตัวมาก ตอบโจทย์การฉีดฟิลเลอร์ที่ต้องการเสริมกระดูกและเนื้อเยื่อผิวหนังที่ยุบตัวจากอายุที่มากขึ้นได้เป็นอย่างดี
การฉีดฟิลเลอร์ เหมาะกับคนกลุ่มไหนบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์นอกจากจะช่วยเสริมความมั่นใจแล้ว ยังตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาผิวต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ที่ต้องการลดริ้วรอยบนใบหน้า เช่น บริเวณใต้ตา ร่องแก้ม เป็นต้น
- ผู้ที่มีปัญหาถุงใต้ตา ร่องลึกใต้ลึก หรือรอยคล้ำใต้ตา
- ผู้ที่มีปัญหาแก้มยุบตัวลง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้า เช่น แก้ไขทรงริมฝีปาก เสริมคางให้ใบหน้าดูเรียวมากยิ่งขึ้น เป็นต้น
การฉีดฟิลเลอร์ ไม่เหมาะกับใคร?
สำหรับผู้ที่ไม่เหมาะกับการฉีดฟิลเลอร์ สามารถแบ่งได้ 4 กลุ่ม โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคผิวหนัง ผิวอักเสบ เช่น สิวอักเสบ ผื่น ลมพิษ เพราะอาจทำให้อาการอักเสบรุนแรงขึ้น
- ผู้ที่มีอาการแพ้สารประเภทคอลลาเจน ไข่ หรือผลิตภัณฑ์จากสัตว์
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ฟิลเลอร์หรือสารประกอบในฟิลเลอร์
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
เพื่อความปลอดภัย และลดอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
- งดทานยาหรือวิตามินที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น เอสไพริน, NSAIDs, วาฟาริน วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นประจำ เนื่องจาก อาจทำให้เกิดรอยช้ำจากการเลือกออกใต้ผิวหนังหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
- หากเคยผ่าตัดบนใบหน้า หรือเคยเติมสารเติมมาก่อน ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทำหัตถการ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือแพ้ยา แพ้อาหาร รวมถึงยาที่ทานเป็นประจำ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
- งดวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ก่อนทำหัตถการ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดแอลกอฮอล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง
- งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิว ดึงหรือโกนขนผิวบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์
- งดการทำเลเซอร์ และนวดหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หากมีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
ฉีดฟิลเลอร์ มีขั้นตอนอะไรบ้าง?
ขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ สามารถแบ่งได้ 5 ขั้นตอน โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- แพทย์จะเริ่มประเมินปัญหาผิวอย่างละเอียด เพื่อออกแบบแนวทางการรักษาที่เหมาะสม และตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าไปพร้อม ๆ กัน
- แพทย์จะทำการแนะนำยี่ห้อฟิลเลอร์และปริมาณ CC ที่เหมาะสมกับตำแหน่งที่จะฉีด
- เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดใบหน้าก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์
- ก่อนทำการฉีดฟิลเลอร์ แพทย์ผู้ชำนาญการจะแกะกล่องฟิลเลอร์ให้ดูต่อหน้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจสอบได้ว่าเป็นของแท้จริงไหม?
- แพทย์จะทำการฉีดยาชาหรือทายาชา เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้ว จึงจะทำการฉีดฟิลเลอร์
- เมื่อทำการฉีดฟิลเลอร์เสร็จแล้ว แพทย์จะจะให้แนะนำในการดูแลผิว ควรปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นานขึ้น
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลผิวอย่างไร?
หลังฉีดฟิลเลอร์ เพื่อให้ผลลัพธ์เข้าที่เร็วและอยู่ได้นานขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังต่อไปนี้
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู อยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดการแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA เรตินอล และวิตามินซี 1-2 วัน
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดจนกว่าบริเวณที่แดงจะหายไป
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 2 วัน เพราะอาจทำให้เกิดรอยช้ำเขียว ซึ่งเกิดจากเลือดออกภายในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ได้ และยังทำให้ผลลัพธ์หลังจากฉีดอยู่ได้ไม่นานด้วย
หากฉีดฟิลเลอร์ปลอม จะเป็นอย่างไร? อันตรายจากฟิลเลอร์ปลอม มีอะไรบ้าง?
ตามหลักแล้ว ก่อนฉีดฟิลเลอร์ แพทย์จะต้องแกะกล่องให้ลูกค้าเช็กก่อน ซึ่งถ้าหากฉีดฟิลเลอร์ปลอมไป จะส่งผลเสียต่อร่างกายมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- ฟิลเลอร์ปลอมไม่สามารถสลายเองได้ ส่งผลต่อสุขภาพและความงามในระยะยาว
- อาจเกิดอาการอักเสบบริเวณที่ฉีด บางรายอาจลุกลามจนติดเชื้อในกระแสเลือดได้
- กระตุ้นให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง กลายเป็นก้อนแข็งใต้ผิวหนัง
- ในกรณีที่รุนแรงมาก ๆ ฟิลเลอร์ปลอมอาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีดตาย เกิดแผลเรื้อรัง จนต้องผ่าตัดได้
ถ้าวางใจใช้บริการกับ PEWDEE CLINIC มั่นใจได้เลยว่า เราใช้ฟิลเลอร์แท้ การันตีความปลอดภัย มีรีวิวจากผู้ใช้งานจริง พร้อมให้บริการโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยฟิลเลอร์ที่ทางเราเลือกใช้ผ่านการรับรองมาตรฐานจาก USA FDA มั่นใจผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้บริการ
แจก 4 วิธีดูฟิลเลอร์แท้ สังเกตได้จากอะไรบ้าง?
เพื่อความปลอดภัย ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์ของแท้แต่ละยี่ห้อ โดยสามารถสังเกตเบื้องต้นได้จาก 4 จุด ดังต่อไปนี้
- เลขทะเบียนอย. ที่กล่อง
- มีเอกสารกำกับภาษาไทย
- เลข Lot ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์หรือหลอดตรงกัน
- สามารถนำเลข Lot เช็กกับบริษัทนำเข้าได้
แต่ละยี่ห้อจะมีจุดสังเกตต่างกันไปเล็กน้อยครับ สามารถดูคลิปที่หมออธิบายเพิ่มเติมได้ด้านล่าง
ฉีดฟิลเลอร์ ที่ไหนดี ต้องพิจารณาเรื่องอะไรบ้าง?
ปัจจุบัน มีคลินิกและสถานพยาบาลมากมายที่มีบริการฉีดฟิลเลอร์ แต่ใช่ว่าจะฉีดที่ไหนก็ได้ ก่อนตัดสินใจ ควรพิจารณาความน่าเชื่อ มาตรฐานความปลอดภัย และความคุ้มค่าเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็น
- คลินิกหรือสถานพยาบาล ผ่านการรับรองมาตรฐานจากกระทรวงสาธารณสุข
- จะต้องมีแพทย์ผู้ชำนาญการประจำอยู่
- มีรีวิวจากผู้ที่เคยใช้บริการจริง จากแหล่งที่เชื่อถือได้
- ใช้ฟิลเลอร์ของแท้เท่านั้น โดยราคาจะต้องมีความสมเหตุสมผล
- หลังการใช้บริการ คลินิกจะต้องมีการติดตามผลหลังการฉีดฟิลเลอร์ทุกครั้ง
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการฉีดฟิลเลอร์
หลังฉีดฟิลเลอร์ ใช้เวลานานไหมถึงจะเห็นผล?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์จะเห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ ทั้งนี้ ผิวจะค่อย ๆ จะเริ่มเข้าที่และเห็นผลลัพธ์ชัดเจนเต็มที่ภายใน 2-3 สัปดาห์
การฉีดฟิลเลอร์ ควรทำกี่ครั้ง?
การฉีดฟิลเลอร์ สามารถทำได้เรื่อย ๆ ตามความต้องการ และดุลยพินิจของแพทย์ เพราะฟิลเลอร์ของแท้จะค่อย ๆ สลายไปเอง โดยควรเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์
ผลลัพธ์ฉีดฟิลเลอร์อยู่ได้นานแค่ไหน?
การฉีดฟิลเลอร์สามารถเห็นผลลัพธ์ตั้งแต่ครั้งแรก โดยทั่วไปผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์จะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน แล้วจะค่อย ๆ สลายไปเอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง ขึ้นอยู่กับยี่ห้อของฟิลเลอร์ และการดูแลตัวเองของแต่ละบุคคล
การเตรียมตัวก่อนฉีดฟิลเลอร์
- งดทานยาหรือวิตามินที่เกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือด เช่น เอสไพริน, NSAIDs, วาฟาริน วิตามินอี น้ำมันปลา เป็นประจำ เนื่องจาก อาจทำให้เกิดรอยช้ำจากการเลือกออกใต้ผิวหนังหลังฉีดฟิลเลอร์ได้
- หากเคยผ่าตัดบนใบหน้า หรือเคยเติมสารเติมมาก่อน ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทำหัตถการ
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือแพ้ยา แพ้อาหาร รวมถึงยาที่ทานเป็นประจำ ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
- งดวิตามิน อาหารเสริมทุกชนิด ก่อนทำหัตถการ อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- งดแอลกอฮอล์ก่อนฉีดฟิลเลอร์ 24 ชั่วโมง
- งดทายาชนิดผลัดเซลล์ผิว ดึงหรือโกนขนผิวบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ 1 สัปดาห์
- งดการทำเลเซอร์ และนวดหน้า อย่างน้อย 3 วันก่อนฉีดฟิลเลอร์
- หากมีผิวหนังอักเสบ หรือติดเชื้อ ในบริเวณที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อน
หลังฉีดฟิลเลอร์ ควรดูแลผิวอย่างไร?
- ควรดื่มน้ำมาก ๆ เพื่อเพิ่มการอุ้มน้ำของฟิลเลอร์ และช่วยให้ฟิลเลอร์ฟู อยู่ได้นานขึ้น
- หลีกเลี่ยงการแตะ แกะ เกา บริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์
- งดการแต่งหน้า งดทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนประกอบของ AHA BHA เรตินอล และวิตามินซี 1-2 วัน
- ควรอยู่ในที่อากาศเย็น หลีกเลี่ยงความร้อนทุกชนิดและกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดงอย่างน้อย 48 ชม. เช่น ซาวน่า ออกกำลังกายหนัก ตากแดด
- ไม่ควรอยู่ในที่ร้อนจัดหรือเย็นจัดจนกว่าบริเวณที่แดงจะหายไป
- งดเลเซอร์ร้อนที่ลงผิวชั้นลึกทุกชนิดอย่างน้อย 1 เดือน
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 2 วัน
ฉีดฟิลเลอร์เจ็บไหม? บวมกี่วัน ?
การฉีดฟิลเลอร์จริง ๆ แล้วแทบจะไม่เจ็บเลย หรือเจ็บน้อย ๆ เนื่องจาก ก่อนการฉีดฟิลเลอร์แพทย์จะทำการฉีดยายา หรือทายาชาก่อน เมื่อยาเริ่มออกฤทธิ์จึงจะทำการฉีดฟิลเลอร์ ทั้งนี้ อาจจะมีอาการบวมจากยาชาและอาการบวมจากฟิลเลอร์ได้ โดยจะค่อย ๆ หายไปได้เองตามธรรมชาติประมาณ 7-14 วัน
อาการข้างเคียงที่อาจะเกิดขึ้นหลังฉีดฟิลเลอร์ มีอะไรบ้าง?
หลังจากฉีดฟิลเลอร์ อาการข้างเคียงส่วนใหญ่จะค่อย ๆ หายไปเอง เช่น รอยแดงจากเข็ม จะหายไปเองภายใน 2-3 วัน ส่วนอาการบวมหลังฉีดฟิลเลอร์ ก็สามารถหายไปเองได้เช่นกัน โดยจะใช้เวลาประมาณ 7-14 วัน
ถ้าเลือกสารที่ไม่ได้ มาตรฐาน ซึ่งเป็นสารที่ไม่ได้รับการรับรองจาก อย.ของประเทศใด ๆ ทั้งสิ้น เช่น ซิลิโคนเหลว ไขมันเทียม ก็จะมีอาการไหลย้อยได้ หรือถ้าเลือกสารที่ แพทย์เอาซิลิโคน แท่งมาปั่นแล้วฉีดอย่างที่เป็นข่าวคึกโครมอยู่ใน โทรทัศน์ ก็จะเกิดการบิดเบี้ยวของหน้าเกิดการบุ๋มเกิดการแพ้แดงอย่างรุนแรงได้
ฟิลเลอร์ อันตรายไหม ?
ฟิลเลอร์ จัดเป็นสารเติมเต็มประเภท Hyaluronic Acid ปลอดภัยและผ่านการรับรองจากอย. ไทย US FDA สามารถสลายได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย และฉีดใหม่ได้เรื่อย ๆ โดยจะขึ้นอยู่กับความต้องการและดุลยพินิจของแพทย์
การฉีดฟิลเลอร์ มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
- ผ่านการรับรองอย. มีความปลอดภัย ไม่ทำให้เกิดอาการแพ้
- เห็นผลลัพธ์ทันทีหลังทำ
- สามารถสลายได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย
- สามารถเติมใหม่ได้เรื่อย ๆ หรือเติมสลายออกโดยไม่เป็นอันตราย
- ฟื้นฟูผิวบริเวณที่มีปัญหาได้อย่างตรงจุด โดยเฉพาะปัญหาริ้วรอย และปรับโครงสร้างใบหน้า
- เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงทันที โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
ฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด ?
ไม่มีฟิลเลอร์ยี่ห้อไหนดีที่สุด เพราะแต่ละยี่ห้อ ต่างมีจุดเด่นและตำแหน่งที่เหมาะสมอยู่แล้ว ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และดุลยพินิจของแพทย์ผู้ชำนาญการ โดยแพทย์จะทำการประเมินปัญหาผิวก่อน เพื่อเลือกฟิลเลอร์ที่เหมาะสมที่สุด