HIFU คืออะไร? HIFU ช่วยอะไรบ้าง รู้ลึกเรื่องการทำไฮฟู่ พร้อมอัปเดต HIFU ราคาสุดคุ้มค่า

อีกหนึ่งนวัตกรรมยกกระชับผิวที่น่าสนใจคงหนีไม่พ้น HIFU ซึ่ง HIFU มีคุณสมบัติเด่น คือช่วยยกกระชับใบหน้า ทำให้ผิวเต่งตึง และยังกระตุ้นการเกิดคอลลาเจน จึงช่วยคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวได้ด้วย แล้ว HIFU คืออะไร มีหลักการทำงานอย่างไร ผิวดีคลินิกมีคำตอบแบบละเอียดให้ทุกคนแล้ว

HIFU คืออะไร?

HIFU หรือ ไฮฟู่ ย่อมาจาก High Intensity Focused Ultrasound เป็นเครื่องมือยกกระชับผิว จากประเทศสหรัฐอเมริกา  ได้รับรองความปลอดภัยจาก US FDA ใช้ได้บริเวณใบหน้า เหนียง คอ ต้นแขน และต้นขา ช่วยคืนความสดใส เพิ่มความกระชับให้ผิวหน้าและสัดส่วนอย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอีลาสติน ทำให้ผิวหน้ายืดหยุ่นมากขึ้นด้วย

หลักการทำงานของ HIFU มีอะไรบ้าง

เครื่อง HIFU ช่วยยกกระชับใบหน้าในชั้นลึกจากการส่งความร้อนระบบ ‘Focusing Ultrasound’ ในรูปแบบที่เป็นเส้นตรง (Linear) มีความลึกระหว่าง 1.5 – 4.5 มิลลิเมตร อุณหภูมิจะสูงขึ้นเฉพาะบริเวณที่โฟกัสใต้ผิวหนัง ซึ่งความลึกที่ 4.5 สามารถส่งผลใต้ชั้นผิวลึกถึงชั้น ’SMAS’ (ชั้นพังผืดที่รองรับเนื้อเยื่อของผิวหนัง) หดตัว ใบหน้าจึงยกกระชับและริ้วรอยลดเลือนลง 

ทั้งนี้พลังงาน ‘Ultrasound’ HIFU สามารถปล่อยความถี่ได้ถึง 1,000 ครั้ง/วินาที ทำให้ผิวไม่รู้สึกเจ็บและไม่เป็นอันตรายต่อผิวหนังภายนอก และยังกระตุ้นคอลลาเจนและอีลาสตินเพิ่มขึ้น ทั้งยังมีการจัดเรียงตัวใหม่ สร้างความแข็งแรงและความยืดหยุ่นมากยิ่งขึ้น โดยจะเห็นผลตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละคน)

HIFU ดีไหม ช่วยอะไรได้บ้าง ข้อดีของการทำไฮฟู่

HIFU ถือว่าเป็นวิธีที่เหมาะกับผู้ที่มีริ้วรอยน้อยๆ ร่องใต้ตาร่องแก้มไม่ลึกมาก เมื่อเทียบกับผลลัพธ์ กับราคาก็ถือว่าเป็นหัตถการที่มีความคุ้มค่า โดยไฮฟู่มีข้อดีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น

• ไม่ต้องใช้เข็ม ไม่ต้องผ่าตัด
• ไม่มีรอยแดงช้ำ หลังทำ
•  ไม่ต้องรอการพักฟื้นนานๆ
• ไม่ทำร้ายผิวหนังบริเวณชั้นนอก
• ช่วยยกกระชับใบหน้า ลดเลือนริ้วรอยและสลายไขมัน
• ปรับรูปหน้าและเก็บกรอบหน้าให้เรียวชัด
• แก้ปัญหาหนังตาตกให้ยกขึ้น
• ไม่เป็นอันตรายต่อสายตา จึงสามารถช่วยเน้นที่บริเวณใต้ตาและรอบดวงตาได้โดยตรง
• ทำได้บ่อยครั้งและหลังการทำ HIFU ยังสามารถทำอย่างอื่นอีกได้ด้วย

HIFU เหมาะกับใคร

หลักๆ แล้ว การทำ HIFU ช่วยฟื้นฟู ยกกระชับ และปรับรูปหน้า และตอบโจทย์กับผู้ที่มีปัญหาเหนียง คางสองชั้น เพราะมีไขมันส่วนเกินใบบริเวณใต้คางและไขมันส่วนเกินบนใบหน้าเยอะเกินไป HIFU จะใช้ได้ผลดี ในการลดเหนียงที่เกิดจากการหย่อนคล้อยของผิว  ช่วยให้เหนียงกระชับขึ้นและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว นอกจากนี้ยังเหมาะกับผู้ที่อายุ 20 ปีขึ้นไปด้วย

แต่ทั้งนี้ไม่เหมาะกับ สตรีมีครรภ์ หรือผู้ป่วยบางโรคทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการเพื่อประเมินการรักษาอย่างถูกต้องก่อนทำไฮฟู่

อายุไม่ถึง 25 ปีทำ Hifu จะมีผลเสียอย่างไร

HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) เป็นนวัตกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการยกกระชับผิวหน้า โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้ายกกระชับขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งการผ่าตัด จึงได้รับความนิยมในหมู่คนที่ต้องการดูแลผิวหน้าให้ดูอ่อนเยาว์อย่างปลอดภัย
อายุไม่ถึง 25 ปี ทำ HIFU ดีหรือไม่?
ในขณะที่ HIFU มักถูกมองว่าเป็นวิธีที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสำหรับคนที่มีอายุมากกว่า 30 ปี ที่เริ่มมีสัญญาณของผิวหนังหย่อนคล้อย แต่ในกรณีของคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี มีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณาก่อนที่จะตัดสินใจทำ HIFU
1.ผิวหนังยังมีความยืดหยุ่นสูง
อายุ 20-25 ปี ผิวหนังยังคงมีความยืดหยุ่นสูงและยังไม่แสดงสัญญาณของความหย่อนคล้อยมากนัก การทำ HIFU อาจไม่จำเป็นและอาจไม่เห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน เนื่องจากผิวยังสามารถผลิตคอลลาเจนได้ดีอยู่แล้ว

2.มีความเสี่ยงต่อการกระตุ้นการเกิดปัญหาผิว
การใช้ HIFU ในผู้ที่มีอายุน้อยเกินไป อาจทำให้ผิวเกิดการระคายเคืองหรือกระตุ้นให้ผิวเกิดปัญหาบางอย่าง เช่น ผิวแห้ง รอยแดง หรือการสร้างคอลลาเจนเกินความจำเป็น ซึ่งอาจส่งผลเสียในระยะยาว
คำแนะนำสำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี
สำหรับผู้ที่อายุต่ำกว่า 25 ปีที่สนใจทำ HIFU ควรพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ในการดูแลผิวหน้า เช่น การใช้ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน หรือการทำทรีทเมนต์ที่เน้นการบำรุงผิวเพื่อรักษาความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นของผิว อีกทั้งควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังก่อนตัดสินใจทำ HIFU เพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

แม้ว่า HIFU จะเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการยกกระชับผิว แต่สำหรับคนที่อายุต่ำกว่า 25 ปี การทำ HIFU อาจไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสม เนื่องจากผิวยังมีความยืดหยุ่นและสามารถฟื้นตัวได้ดี ควรให้ความสำคัญกับการดูแลผิวในเชิงป้องกันและรักษาความแข็งแรงของผิวมากกว่าการใช้วิธีการที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอายุมากกว่า

HIFU รีวิวที่น่าสนใจจากผิวดีคลินิก

Hifu ทำส่วนไหนได้บ้าง

HIFU อัปเดตปี 2567 ส่วนที่สามารถทำได้
การทำ HIFU (High-Intensity Focused Ultrasound) ได้รับความนิยมมากขึ้นในประเทศไทย เนื่องจากเป็นวิธีที่ไม่ต้องผ่าตัดและมีความเสี่ยงต่ำ สำหรับ HIFU ราคาเท่าไหร่นั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ซึ่งจะมีแพทย์ผู้ชำนาญการคอยประเมินปัญหาผิว เพื่อกำหนดจำนวน Lines ในการรักษา สามารถทักสอบถาม หรือประเมินผิวฟรี โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมออกแบบราคาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด และพร้อมรับโปรโมชั่นราคาสุดคุ้มกันได้เลย
ส่วนต่างๆ ของร่างกายที่สามารถทำ HIFU ได้
HIFU สามารถใช้ได้กับหลายส่วนของร่างกายเพื่อการยกกระชับและลดริ้วรอย โดยส่วนที่ได้รับความนิยมในการทำ HIFU ได้แก่

1. ใบหน้า (Face)

• ทั่วใบหน้า เพื่อยกกระชับผิว ลดริ้วรอย และทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์
• หน้าผาก ลดริ้วรอยและยกกระชับบริเวณหน้าผาก
• รอบดวงตา เพื่อลดถุงใต้ตาและริ้วรอยรอบดวงตา
• แก้ม เพื่อยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อยและทำให้ใบหน้าดูเรียวขึ้น
• กรอบหน้า (V-line) เพื่อปรับรูปหน้าให้ดูเรียวและกระชับ
  
  2. ลำคอ (Neck)
• การทำ HIFU ที่ลำคอช่วยลดความหย่อนคล้อยและริ้วรอยบริเวณลำคอ ทำให้ลำคอดูเรียบเนียนและกระชับ

3. ร่างกาย (Body)

• สะโพกและก้น ช่วยกระชับผิวและทำให้รูปร่างดูดีขึ้น
• หน้าท้อง เพื่อลดความหย่อนคล้อยของผิวหน้าท้องหลังคลอดหรือหลังลดน้ำหนัก
• ต้นแขนและต้นขา เพื่อยกกระชับผิวบริเวณต้นแขนและต้นขาให้กระชับขึ้น

HIFU ราคาเท่าไหร่อัปเดตปี 2567

HIFU ราคาเท่าไหร่นั้นจะขึ้นอยู่กับปัญหาผิวที่ต้องการแก้ไข ซึ่งจะมีแพทย์ผู้ชำนาญการคอยประเมินปัญหาผิว เพื่อกำหนดจำนวน Lines ในการรักษา สามารถทักสอบถาม หรือประเมินผิวฟรี โดยแพทย์ผู้ชำนาญการ พร้อมออกแบบราคาที่เหมาะสมกับคุณมากที่สุด และพร้อมรับโปรโมชั่นราคาสุดคุ้มกันได้เลย

ควรเลือกทำ Hifu ที่ไหนดี คลินิกไหนดี ระวังการโฆษณา Hifu ที่เกินจริง ของคลินิกต่าง

เมื่อคุณตัดสินใจที่จะทำ Hifu การเลือกคลินิกที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง เนื่องจากมีหลายปัจจัยที่ควรพิจารณา ไม่ว่าจะเป็น เลือกคลินิกที่มีแพทย์ผู้ชำนาญการในการทำ Hifu และมีประสบการณ์ในการทำหัตถการนี้ ตรวจสอบว่าคลินิกใช้เครื่องมือ Hifu ที่ทันสมัยและมีมาตรฐาน คลินิกควรมีมาตรฐานด้านสุขอนามัยและความปลอดภัยสูง อ่านรีวิวจากผู้ที่เคยทำ Hifu ที่คลินิกนั้น ๆ และหาคำแนะนำจากเพื่อนหรือผู้รู้ ที่สำคัญควรระวังเรื่องการโฆษณาที่เกินจริง หรือการเสนอราคาโปรโมชั่นที่ดูไม่สมเหตุสมผล อาจบ่งชี้ถึงการลดทอนคุณภาพการบริการหรือเครื่องมือที่ใช้ก็เป็นได้

Hifu เจ็บไหม

ความเจ็บปวดจากการทำ HIFU นั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับความทนต่อความเจ็บปวดของแต่ละคน และบริเวณที่ทำ โดยทั่วไปแล้ว แพทย์จะทายาชาหรือใช้เครื่องมือระบายความเย็นเพื่อลดความรู้สึกเจ็บปวดลง แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกตึงๆ หรือเจ็บเล็กน้อยได้ โดยเฉพาะบริเวณที่ผิวหนังบาง เช่น รอบดวงตา หรือบริเวณที่มีกระดูกอยู่ใกล้ๆ อย่างไรก็ตาม ระดับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นจะสามารถทนได้ และผลลัพธ์ที่ได้หลังทำก็คุ้มค่ากับความเจ็บปวดที่ต้องทน

Hifu มีกี่แบบ

Hifu มีหลายประเภทและแต่ละประเภทมีความแตกต่างในเทคโนโลยีและการใช้งาน

• Hifu Mini แบบที่เหมาะสำหรับการรักษาในพื้นที่เล็ก ๆ เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา
  การเลือกประเภทของ Hifu ขึ้นอยู่กับความต้องการและปัญหาผิวของแต่ละบุคคล
• Hifu Classic การใช้คลื่นเสียงอัลตราซาวด์ที่มีความเข้มข้นสูงเพื่อกระชับผิวและลดริ้วรอย
• Hifu Macrofocus เทคโนโลยีที่พัฒนาเพื่อให้ความแม่นยำสูงกว่าในการกระตุ้นคอลลาเจนในผิวหนัง

ก่อนทำ HIFU ต้องเตรียมอะไรบ้าง?

สำหรับผู้ที่ใช้ Botulinum toxin สารเติมเต็ม ร้อยไหม หรือเลเซอร์ที่ใบหน้า ควรเว้นระยะห่าง 2-4 สัปดาห์ ก่อนการทำ HIFU ทั้งนี้ไม่ต้องงดน้ำหรืออาหารก่อนมาทำ เพราะการทำไฮฟู่ไม่ใช่การผ่าตัด และไม่พักฟื้นหลังทำด้วย

ขั้นตอนการทำ HIFU

1. ผู้รับบริการปรึกษาแพทย์เพื่อวิเคราะห์ปัญหาผิวหน้า และประเมินจำนวน Lines ในการยกผิว

2. พนักงานทำความสะอาดผิวหน้าให้ผู้รับบริการ

3. พนักงานทายาชาทั่วใบหน้าและลำคอให้ผู้รับบริการ จากนั้นรอยาชาออกฤทธิ์ ประมาณ 1-1.5 ชั่วโมง

4. พนักงานเช็ดยาชาออก และลงเจลบริเวณที่หัวเครื่องมือสัมผัสกับผิวหน้า

5. แพทย์ใช้เครื่อง HIFU ทำการรักษาตามจำนวน Lines ที่ประเมิน โดยใช้เวลาทำประมาณ 40-60 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวน Lines

6. ขณะรักษา ผู้รับบริการจะรู้สึกอุ่นๆ ใต้ชั้นผิว

7. หลังทำเสร็จพนักงานเช็ดเจล ทำความสะอาดผิว ทาครีมบำรุง และกันแดด ซึ่งจะเห็นผลลัพธ์ผิวยกกระชับขึ้นตั้งแต่หลังทำและเห็นผลชัดเจนที่สุดใน 1 เดือน และผลจะอยู่ได้นาน 6-8 เดือน (ขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาและสภาพผิวของแต่ละบุคคล)

อาการหลังทำ Hifu

หลังจากการทำ Hifu (High-Intensity Focused Ultrasound) ผู้ที่รับการรักษาอาจพบอาการที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งอาการทั่วไปที่อาจเกิดขึ้นรวมถึง

• ผิวแดงระเรื่อเล็กน้อย ซึ่งมักจะหายไปเองภายในไม่กี่วัน
  การดูแลตัวเองหลังจากทำ Hifu สำคัญมาก เช่น หลีกเลี่ยงการโดนแสงแดดโดยตรง และใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่อ่อนโยน
• ความรู้สึกไม่สบาย ผู้ที่ทำ Hifu อาจรู้สึกเจ็บหรือรู้สึกเหมือนมีการถูกดึงหรือแสบร้อนบริเวณที่ทำการรักษา ซึ่งอาการเหล่านี้จะค่อย ๆ บรรเทาลงภายใน 1-2 วัน

การทำ HIFU ควรทำกี่ครั้งถึงได้ผลลัพธ์

แนะนำให้เข้ารับการรักษาด้วย HIFU เดือนละ 1 ครั้ง ต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ครั้ง และการทำไฮฟู่จะใช้ระยะเวลาในการทำการรักษาประมาณ 40-60 นาที

HIFU อยู่ได้กี่เดือน HIFU อยู่ได้นานไหม

ภายหลังเสร็จสิ้นการรักษาจะเห็นว่าร่องแก้มดูดีขึ้น ผิวดูตึงขึ้น ริ้วรอยเล็กๆ ดูลดลง แต่ผลการรักษาจะเห็นได้อย่างชัดเจนภายหลังเข้ารับการรักษาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ เมื่อเข้ารับการรักษาครบ 3 ครั้ง (เดือนละครั้ง) ผลการรักษาจะคงอยู่ได้ต่อเนื่องอย่างน้อย 6 – 8 เดือน และอาจมาทำการรักษาซ้ำเพื่อคงประสิทธิภาพการรักษา 3-4 เดือน/ครั้ง

การดูแลตนเองหลังทำ HIFU

• หลังรักษา 2-4 วัน ทาครีมกันแดด SPF ตั้งแต่ 50 ขึ้นไป และหลีกเลี่ยงความร้อนและแสงแดดเพื่อไม่ให้คอลลาเจนในชั้นผิวถูกทำลาย 

• หลังรักษาประมาณ 1 สัปดาห์ สามารถใช้ Botulinum toxin สารเติมเต็ม ร้อยไหม หรือเลเซอร์ได้ตามปกติ (ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล)
• งดการสครับผิวหรือขัดถูใบหน้าแรงๆ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ แต่สามารถล้างหน้าและแต่งหน้าได้ตามปกติ
 ปรึกษาปัญหาผิวฟรี! ได้ที่ LINE

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการทำ HIFU

---