เติมความบาลานซ์ลงตัวในทุกมิติ เสริมเสน่ห์ริมฝีปากให้อิ่มสวยฉ่ำอย่างมั่นใจด้วยฟิลเลอร์ปาก นวัตกรรมฉีดปากสวย ๆ ฉีดปากกระจับราคาคุ้มที่สุดกับ PEWDEE CLINIC อัปเดตเทรนด์ทรงปากฉีดฟิลเลอร์ยอดนิยม 2024 พร้อมเสริมความรู้ประกอบการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นฟิลเลอร์ปากอยู่ได้กี่เดือน? หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามทำอะไรบ้าง? ปากหนาฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม? ฉีดปากกระจับเจ็บไหม? และรีวิวฟิลเลอร์ปากจากผู้ใช้บริการจริงที่นี่
ทำความรู้จักฟิลเลอร์ปาก ฉีดปากกระจับ คืออะไร?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก คือ การฉีดสารเติมเต็มประเภทไฮยาลูรอนิก (Hyaluronic Acid : HA) ที่มีคุณสมบัติในการอุ้มน้ำ และสลายได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้างในร่างกาย ช่วยปรับรูปร่างและโครงสร้างปากให้ดูอวบอิ่มมากยิ่งขึ้น แก้ปัญหาริมฝีปากไม่สมดุลได้ในขั้นตอนเดียว การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ นอกจากจะช่วยแก้ปัญหาได้หลากหลายแล้ว ยังเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และที่สำคัญการฉีดปากกระจับยังเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง โดยไม่จำเป็นต้องพักฟื้นอีกด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ช่วยแก้ปัญหาเรื่องอะไรบ้าง?
ฟิลเลอร์ปากกระจับ ช่วยแก้ไขเกี่ยวกับริมฝีปากได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นลักษณะหรือรูปร่างของริมฝีปากได้ในขั้นตอนเดียว ไม่ว่าจะเป็น
- ริมฝีปากบางจากอายุที่มากขึ้น
- ขอบปากไม่ชัด
- ริมฝีปากแห้ง ขาดความชุ่มชื้น หรือริมฝีปากไม่เรียบเนียน
- ริมฝีปากไม่สมดุล รูปทรงไม่สวย หรือไม่เท่ากัน
- มุมริมฝีปากตก จนทำให้ใบหน้าดูดุกว่าความเป็นจริง
- ปากคว่ำ
- ปรับลักษณะริมฝีปากตามโหงวเฮ้ง
การฉีดฟิลเลอร์ปาก มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
นอกจากการฉีดปากกระจับจะช่วยแก้ปัญหารูปร่างและลักษณะของริมฝีปากแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลาย ๆ ด้าน ได้แก่
- ปรับโหงวเฮ้ง ซึ่งมีความเชื่อว่า เป็นจุดศูนย์รวมในการพิจารณาสภาพจิตใจและสุขภาพโดยรวม
- ปรับรูปทรงปาก เสริมความมั่นใจ ช่วยให้ใบหน้าดูบาลานซ์มากยิ่งขึ้น
- เสริมเสน่ห์ให้กับใบหน้า ปรับใบหน้าให้ดูเป็นมิตร อ่อนโยน และอ่อนกว่าวัยมากยิ่งขึ้น
- เพิ่มวอลลุ่มให้ปากดูอวบอิ่ม เสริมความเซ็กซี่มากยิ่งขึ้น
- เติมร่องลึกบนริมฝีปากให้ชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี และอวบอิ่มขึ้น จบปัญหาทาลิปแล้วตกร่องได้อย่างตรงจุด
- ฟิลเลอร์ปากมีความปลอดภัยต่อร่างกาย และสามารถเสื่อมสลายได้เอง โดยไม่ทิ้งสารตกค้างไว้ในร่างกาย
- ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดปากสวย ๆ
- หากผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการฉีดปากไม่ถูกใจ สามารถฉีดสลายได้
อัปเดตฟิลเลอร์ปาก ราคาโปรโมชัน ฉีดปากกระจับ ราคาสุดคุ้ม จาก PEWDEE CLINIC
การฉีดปากกระจับราคาส่วนใหญ่จะมีความแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ปากกระจับที่เลือกใช้ และโปรโมชันของคลินิก ซึ่งทาง PEWDEE CLINIC มียี่ห้อฟิลเลอร์ให้เลือกหลากหลายแบรนด์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าทุกรูปแบบ พร้อมให้บริการด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง การันตีความปลอดภัยและเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงจริงหลังทำหัตถการตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ มั่นใจด้วยรีวิวฟิลเลอร์ปากจากผู้ใช้บริการจริง สำหรับผู้ที่สนใจทำทรงฟิลเลอร์ปาก ราคาพิเศษกับเรา สามารถอัปเดตโปรโมชันหรือแพ็กเกจใหม่ ๆ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ฟรีได้ที่นี่
เทรนด์ 3 ทรงฟิลเลอร์ปาก ยอดนิยมในปี 2024
เทรนด์ทรงฟิลเลอร์ปากที่ลูกค้าของทาง PEWDEE CLINIC นิยมฉีดปากสวย ๆ มากที่สุดในปี 2024 มีอยู่ 3 รูปทรง ได้แก่ ทรงปากธรรมชาติ (Classy Kysse) ทรงปากกระจับ (Cherry Kysse) และทรงปากสายฝอ (Sexy Kysse)
ฟิลเลอร์ปากทรงธรรมชาติ (Classy Kysse)
เริ่มกันที่ทรงฟิลเลอร์ปากที่เรียกว่ามาแรงที่สุดในช่วงนี้ จากเทรนด์ความงามเป็นธรรมชาติ ซึ่งการฉีดปากทรงนี้จะมีสัดส่วนเหมาะสม บาลานซ์กับใบหน้า โดยไม่ต้องเปลี่ยนรูปทรงมากนัก และยังช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปากอีกด้วย
ฟิลเลอร์ปากทรงกระจับ (Cherry Kysse)
อีกหนึ่งในทรงที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กันกับฟิลเลอร์ปากกระจับ เป็นการเปลี่ยนรูปทรงริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น
ฟิลเลอร์ปากทรงสายฝอ (Sexy Kysse)
และรูปสุดท้ายกับทรงปากฉีดฟิลเลอร์สายฝอ ที่ยังคงอินเทรนด์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เป็นทรงที่ช่วยให้ริมฝีปากดูอวบอิ่ม โดยเฉพาะริมฝีปากล่าง ช่วยให้ขอบริมฝีปากคมชัด มีเสน่ห์สไตล์สายฝอ เสริมความเซ็กซี่ได้มากกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี แบรนด์ไหนดีที่สุด ?
ส่วนคำถามที่ว่า ฟิลเลอร์ปาก ยี่ห้อไหนดี? นั้น ในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณเป็นหลัก เนื่องจาก ฟิลเลอร์ปากแต่ละแบรนด์มีจุดเด่นที่แตกต่างกันไป โดย PEWDEE CLINIC ขอแนะนำฟิลเลอร์ปากกระจับ 3 ยี่ห้อหลักที่ได้ผ่านการรับรองจากอย.ไทย และได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน ซึ่งแต่ละยี่ห้อมีความแตกต่างที่น่าสนใจ ดังนี้
ฟิลเลอร์ปาก Juvederm
ฟิลเลอร์สัญชาติอเมริกาที่ได้รับการรับรองคุณภาพและความปลอดภัยทั้ง US FDA ยุโรป (EDQM) และอย. ไทย มีคุณสมบัติช่วยอุ้มน้ำได้ดี มีความยืดหยุ่นสูง และมีอัตราบวมน้ำมาก หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ผลลัพธ์ที่ได้จะมีความเรียบเนียน หมดกังวลปัญหาหลังฉีดปากแล้วเป็นก้อนได้เลย
ฟิลเลอร์ปาก Restylane
อีกหนึ่งแบรนด์ฟิลเลอร์ปากกระจับชั้นนำที่นิยมในปัจจุบัน เป็นฟิลเลอร์ปากสัญชาติสวีเดน ผ่านการรับรองจากUS FDA เกาหลีใต้ อย.ไทย และยุโรป (EDQM) โดดเด่นด้วยคุณสมบัติคงตัวสูง ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติเรียบเนียน พร้อมเพิ่มความชุ่มชื้นไปในตัว และมีความปลอดภัยสูงมากเช่นเดียวกับ Juvederm
ฟิลเลอร์ปาก Belotero
และฟิลเลอร์ปากกระจับแบรนด์สุดท้าย Belotero เป็นฟิลเลอร์ชั้นนำจากสวิตเซอร์แลนด์ ที่ผ่านการรับรองจากอย.ไทย สหรัฐอเมริกา (USFDA) และยุโรป EDQM เช่นเดียวกัน โดยตัวเนื้อฟิลเลอร์จะมีความยืดหยุ่นสูง ใช้แก้ปัญหาร่องลึกตามใบหน้าได้หลากหลาย เติมเต็มผิวให้เรียบเนียนได้เป็นอย่างดี
ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ต้องปริมาณฟิลเลอร์กี่ cc ?
โดยทั่วไปการฉีดปาก จะใช้ปริมาณฟิลเลอร์ประมาณ 1-2 CC ก็เพียงพอต่อการเปลี่ยนรูปทรงปาก และเพิ่มวอลลุ่มให้ริมฝีปากอิ่มน่าสัมผัสมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ จะขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าและความสมดุลบนใบหน้า โดยแพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการประเมิน และให้คำแนะนำที่เหมาะสม เพื่อปรับริมฝีปากให้บาลานซ์กับใบหน้า
ฉีดฟิลเลอร์ปาก VS. ผ่าตัดปาก แบบไหนดีกว่ากัน?
ตามด้วยคำถามยอดฮิตที่หลายคนกำลังลังเลว่าควรจะเลือกหัตถการแบบไหนดี? ระหว่างการฉีดปาก VS. การผ่าตัดปาก แบบไหนดีกว่ากัน? ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ทั้ง 2 หัตถการมีข้อดีแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก โดยมีรายละเอียดน่าสนใจ ดังต่อไปนี้
ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ
- เน้นเติมริมฝีปากให้ดูอวบอิ่ม มีเสน่ห์น่าสัมผัส
- ปรับรูปทรงฟิลเลอร์ปากได้หลากหลาย โดยสามารถเลือกได้ตามความต้องการ
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่มีแผล โดยอาจจะมีอาการบวมประมาณ 4-5 วัน ซึ่งอาการบวมเหล่านี้ สามารถหายได้เองตามธรรมชาติ
- ผลลัพธ์อยู่นานได้ 6-18 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของฟิลเลอร์ปาก และการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก
การผ่าตัดปาก
- เน้นลดขนาดปาก
- ผลลัพธ์คงอยู่ถาวร ไม่สามารถเปลี่ยนทรงรูปปากได้
- ต้องพักฟื้นให้แผลสมานตัวมากกว่า 2 สัปดาห์
- อาจมีรอยแผลเป็นบริเวณที่ผ่าตัด
- มีอาการบวมประมาณ 3 สัปดาห์
ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ ควรเตรียมตัวอย่างไรให้เหมาะสม
เพื่อผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพ นอกจากการเช็กมาตรฐานของสถานพยาบาลหรือคลินิกแล้ว เรื่องการเตรียมตัวก่อนเข้าใช้บริการฉีดปากเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน เพื่อลดความเสี่ยงในการอาการข้างเคียงไม่พึงประสงค์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ และเป็นปัจจัยที่จะทำให้ได้ปากทรงสวยและอยู่ได้นานด้วย โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- ศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์แท้
- งดทานยาชนิดผลัดเซลล์ผิว เช่น แอสไพริน ยา NSAIDs เช่น Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดแว็กซ์ขนบริเวณริมฝีปากประมาณ 1 สัปดาห์ ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก
- งดวิตามิน St.John’s Wort, Ginkgo Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ และออกกำลังกาย หรือกิจกรรมที่ทำให้เลือดสูบฉีด รวมถึงการสัมผัสความร้อนตรง ๆ เช่น ซาวน่า ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่น หรืออยู่หน้าเตานาน ๆ ประมาณ 24 ชั่วโมง
- หากมีโรคประจำตัว หรือมียาที่ทานเป็นประจำ ควรแจ้งแพทย์ทุกครั้งก่อนใช้บริการฉีดปาก
- หากเคยผ่าตัดปากมาก่อน จะต้องแจ้งให้แพทย์ทราบทุกครั้ง
ฉีดฟิลเลอร์ปาก มีขั้นตอนอย่างไรบ้าง ใช้เวลาทำนานไหม?
ส่วนขั้นตอนการฉีดฟิลเลอร์ปาก จะใช้เวลาในการทำหัตถการประมาณ 30-60 นาที โดยสามารถแบ่งได้ประมาณ 6 ขั้นตอน
- แพทย์จะทำการประเมินใบหน้า และความต้องการของลูกค้า เพื่อแนะนำทรงฟิลเลอร์ปากและยี่ห้อฟิลเลอร์ปากกระจับที่เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตามที่ลูกค้าคาดหวังมากที่สุด
- เจ้าหน้าที่จะทำความสะอาดผิวโดยรอบ
- หลังจากนั้นแพทย์จะทำการอแปะยาชา
- เมื่อยาออกฤทธิ์ แพทย์จะเปิดฟิลเลอร์กล่องใหม่ เพื่อให้ลูกค้าสามารถตรวจเช็กฟิลเลอร์ได้ว่าจะเป็นของแท้ ก่อนจะทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ระหว่างการฉีดจะมีการประคบเย็น เพื่อลดอาการบวม
- เมื่อทำการฉีดเสร็จ แพทย์จะแนะนำแนวทางการดูแลหลังฉีดฟิลเลอร์ปาก เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ตรงตามความต้องการ และอยู่ได้นานที่สุด
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก จะเห็นผลลัพธ์ภายในกี่วัน?
- 1 วัน : ริมฝีปากอวบอิ่มขึ้น
- 2-3 วัน : อาการบวมจะค่อย ๆ ลดลง
- 1-2 สัปดาห์ : ปากเริ่มเข้าที่ อวบอิ่มเป็นธรรมชาติ
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรดูแลริมฝีปากอย่างไรบ้าง?
ถึงแม้การฉีดฟิลเลอร์ปากจะเสร็จสมบูรณ์แล้ว การดูแลผิวริมฝีปากก็ยังเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้ผลลัพธ์หลังฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับสวยตามที่ต้องการ ฟื้นตัวเร็ว และอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้ชำนาญการอย่างเคร่งครัด ดังนี้
- ดื่มน้ำประมาณ 8-10 แก้วต่อวัน ซึ่งจะช่วยให้ฟิลเลอร์ฟูสวยได้รูป และอยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก อาจมีรอยแดงประมาณ 3-7 วัน สามารถทานยาตามที่หมอสั่งได้
- เลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือจับบริเวณที่ฉีดปาก
- หากมีอาการปวด สามารถกินยาแก้ปวดได้
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก ห้ามทำอะไรบ้าง?
- งดสูบบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ประมาณ 2-3 วัน
- งดดื่มเครื่องดื่มร้อน ๆ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ปากไหลไปยังบริเวณข้างเคียง ทำให้ผลลัพธ์ออกมาไม่ตรงจุดได้
- งดดื่มเครื่องดื่มคาเฟอีน เพราะอาจทำให้แผลหายช้าลงและเสี่ยงต่อการบวมมากขึ้นได้
- งดออกกำลังกาย 48 ชั่วโมง เพราะอาจทำให้ปากเสียรูปทรงได้
- งดแต่งหน้าประมาณ 24 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
- งดสัมผัสหรือจับ แกะ เกา เม้มปาก เพื่อป้องกันทรงปากผิดรูป
- งดการกด นวด คลึงบริเวณคาง งดนั่งเท้าคาง 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการเคลื่อนตัวของฟิลเลอร์
- หลีกเลี่ยงแสงแดด และทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
- งดกิจกรรมที่ต้องสัมผัสความร้อนโดยตรง เช่น การซาวน่า การอบไอน้ำ เลเซอร์ผิว เป็นต้น ประมาณ 2 สัปดาห์ เพราะอาจทำให้ฟิลเลอร์ปากสลายเร็วขึ้น
- งดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของ AHA และวิตามินซี ประมาณ 24 ชั่วโมง
- งดรับประทานอาหารรสจัด ของดิบ และของแสลง อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดรับประทานยากลุ่ม NSAIDS และอาหารเสริม เช่น Ginkgo Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E ประมาณ 1 สัปดาห์
ฟิลเลอร์ปากกระจับ ฉีดฟิลเลอร์ปากเหมาะกับใคร?
การเติมฟิลเลอร์ปาก นอกจากจะช่วยปรับรูปทรงปากได้ตามต้องการแล้ว ยังช่วยเสริมเสน่ห์ พร้อมเติมเต็มความชุ่มชื้นให้กับริมฝีปาก ช่วยให้ริมฝีปากเรียบเนียน และดูอ่อนกว่าวัยอีกด้วย การฉีดปากสวย ๆ จึงสามารถตอบโจทย์ความต้องการของสาว ๆ ได้หลายด้าน โดยเฉพาะผู้ที่มีความต้องการ ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่ต้องปรับรูปทรงปาก
- ผู้ที่ต้องการเติมเต็มริมฝีปากให้ดูชุ่มชื้น ไม่แห้งแตก
- ผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากไม่เท่ากัน
- ผู้ที่มีปัญหาริมฝีปากบาง
- ผู้ที่ต้องการเสริมโหงวเฮ้งให้ตรงกับตำรามากขึ้น
- ผู้ที่ต้องการปรับสัดส่วนริมฝีปากให้สมดุลกับใบหน้ามากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่อยากปรับสัดส่วนริมฝีปาก แต่ไม่ต้องการศัลยกรรม
การฉีดปาก ฉีดฟิลเลอร์ปาก ไม่เหมาะกับคนกลุ่มไหนบ้าง?
ถึงแม้การปรับรูปทรงปาก และเพิ่มวอลลุ่มให้กับริมฝีปาก จะตรงโจทย์หรือตรงความต้องการของใครหลายคน แต่ก็มีกลุ่มคนบางกลุ่มที่ไม่เหมาะจะฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะคนกลุ่มเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ที่มีประวัติแพ้กรดไฮยาลูรอนิก
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์และให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ยาชา
- ผู้ที่มีประวัติเป็นแผลเป็นคีลอยด์ได้ง่าย
- ผู้ที่เคยผ่าตัดปากมาก่อนในบางกรณี หากพังผืดจากแผลรั้งริมฝีปากมากเกินไปจะไม่สามารถฉีดฟิลเลอร์ปากได้ หรือฉีดได้ในปริมาณที่น้อยกว่าปกติ
- ผู้ที่กำลังใช้ยายาแก้ปวดแอสไพริน หรือยากลุ่ม NSAIDs ยาลดการแข็งตัวของเลือด รวมถึงวิตามินหรือสมุนไพรบางชนิด เช่น Ginkgo Biloba, Primrose Oil, Garlic, Ginseng และ Vitamin E เป็นต้น
- ผู้ที่กำลังเป็นโรคเริมหรืองูสวัด
- ผู้ที่ผิวหนังบริเวณริมฝีปากหรือบริเวณใกล้เคียงอักเสบอยู่ ควรรักษาให้หายก่อนฉีดปาก
หากเติมฟิลเลอร์ปากปลอม จะมีอาการแบบไหน ส่งผลเสียอย่างไรบ้าง?
การฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับปลอม นอกจากจะไม่เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงแล้ว ยังส่งผลเสีย และสร้างอันตรายต่อร่างกายหลายอย่าง ได้แก่
- การอักเสบ ติดเชื้อ ทั้งผิวหนังชั้นตื้นและชั้นลึก บางรายอาจลุกลามจนติดเชื้อในกระแสเลือดได้
- หลังฉีดฟิลเลอร์ปากเป็นก้อน ไม่สม่ำเสมอ
- ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม ทำให้เกิดเป็นก้อน เมื่อกดจะมีความรู้สึกเจ็บ
- ในกรณีรุนแรงมาก ๆ ฟิลเลอร์ปากปลอม อาจทำให้เนื้อเยื่อบริเวณที่ฉีดตาย เกิดแผลเรื้อรัง จนต้องผ่าตัดได้
ดังนั้น ก่อนจะทำการฉีดฟิลเลอร์ปาก ควรเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน และควรตรวจสอบฟิลเลอร์ก่อนฉีดทุกครั้ง
ชี้เป้า 4 วิธีเช็กฟิลเลอร์ปากของแท้ 100% สังเกตได้จากอะไรบ้าง?
เพื่อความปลอดภัย นอกจากมาตรฐานของสถานพยาบาลแล้ว ควรศึกษาวิธีดูฟิลเลอร์ปากของแท้แต่ละยี่ห้อ โดยสามารถสังเกตเบื้องต้นได้จาก 4 จุด ดังต่อไปนี้
- จะต้องมีเลขทะเบียนอย. ที่กล่อง
- มีเอกสารกำกับภาษาไทย
- เลข Lot ที่กล่อง ซอง สติกเกอร์หรือหลอดตรงกัน
- สามารถนำเลข Lot เช็กกับบริษัทนำเข้าได้
ฉีดฟิลเลอร์ปาก ที่ไหนดี? เลือกอย่างไรให้ปลอดภัย
ปัจจุบัน มีคลินิกและสถานพยาบาลหลายแห่งที่มีบริการฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ และยังมีโปรโมชันให้เลือกมากมาย ทำให้หลายคนลังเล และอาจจะเลือกสถานพยาบาลที่มีราคาถูกที่สุด ซึ่งความเป็นจริงแล้ว นอกจากเรื่องราคา ก็ควรคำนึงถึงเรื่องมาตรฐาน และความปลอดภัยเป็นหลักด้วย ทางเรามี 5 เทคนิคในการเลือกคลินิกหรือสถานพยาบาลมาฝาก โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
- คลินิกหรือสถานพยาบาลผ่านการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุข
- มีแพทย์ผู้ชำนาญการประจำสาขา
- ก่อนฉีดฟิลเลอร์ปาก แพทย์ผู้ทำการรักษาจะต้องให้ตรวจสอบได้ว่าผลิตภัณฑ์ฟิลเลอร์ที่ใช้เป็นของแท้
- มีรีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ในช่องทางอื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือ นอกจากช่องทางของสถานพยายาลหรือคลินิก
- ราคาจะต้องสมเหตุสมผล ไม่ถูกหรือแพงจนเกินไป
- หลังการใช้บริการ คลินิกจะต้องมีการติดตามผลหลังการฉีดฟิลเลอร์ปากทุกครั้ง
แต่ถ้าลูกค้าใช้บริการกับ PEWDEE CLINIC มั่นใจได้เลยว่า เราเลือกใช้ฟิลเลอร์ปากของแท้ ผ่านการรับรองจากอย.ไทย และอย.ในต่างประเทศ มั่นใจเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนตั้งแต่ครั้งแรกหลังฉีดปากด้วยรีวิวฟิลเลอร์ปาก รีวิวฉีดปากจากผู้ใช้บริการจริง การันตีความปลอดภัย ด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง ฉีดปากกระจับราคาดีที่สุด ต้อง PEWDEE CLINIC เท่านั้น
Review : https://www.facebook.com/share/v/pb3QCxYUYo1wU2Rj/
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับฟิลเลอร์ปาก
หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก กินกาแฟได้ไหม?
จริง ๆ แล้วยังไม่แนะนำให้ให้ดื่มกาแฟ และควรเว้นอาหารและเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของคาเฟอีนทุกชนิด ประมาณ 2-3 วัน เพราะคาเฟอีนอาจทำให้แผลที่มาจากการฉีดฟิลเลอร์หายช้าลง และเสี่ยงต่อการบวมมากยิ่งขึ้นด้วย
ฉีดฟิลเลอร์ปากกี่วัน ถึงจะทาลิปได้ ?
ควรงดเว้นการแต่งหน้าอย่างน้อย 24 ชั่วโมง ซึ่งรวมถึงการทาลิปสติกได้ แต่ถ้าเป็นไปได้ ควรงดการทาลิปสติกประมาณ 1 สัปดาห์หลังฉีดฟิลเลอร์ปากจะดีที่สุด
ฉีดฟิลเลอร์ปาก เจ็บไหม?
โดยทั่วไปการระหว่างการฉีดปากสวย ๆ จะไม่รู้สึกเจ็บหรือแทบไม่รู้สึกเลย เนื่องจาก ก่อนจะเริ่มฉีดฟิลเลอร์ปาก แพทย์จะทำการทายาชาไว้ก่อนแล้ว
ฉีดฟิลเลอร์ปาก บวมกี่วัน?
ตามปกติแล้ว หลังฉีดฟิลเลอร์ปากอาจมีอาการบวมหลังฉีดประมาณ 3-7 วันแรก ซึ่งอาการบวมดังกล่าวจะค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ โดนสามารถประคบเย็นได้ และจะค่อย ๆ เห็นผลลัพธ์ชัดเจนและเข้าประมาณ 1-2 สัปดาห์หลังฉีด
ฟิลเลอร์ปาก อยู่ได้กี่เดือน? ฉีดปากกระจับ อยู่ได้นานไหม?
ผลลัพธ์จะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้น ขึ้นอยู่กับยี่ห้อฟิลเลอร์ปาก และการดูแลริมฝีปากเป็นหลัก ซึ่งแต่ละยี่ห้อฟิลเลอร์ปากกระจับจะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัมผัส หรือเทคโนโลยีที่ใช้ในการผลิต โดยทั่วไปแล้ว ฟิลเลอร์จะอยู่ได้นานโดยเฉลี่ยประมาณ 6-12 เดือน แต่ถ้าดูแลดี โอกาสที่ฟิลเลอร์ปากจะอยู่ได้นานกว่านั้นก็เป็นไปได้
ปากหนาฉีดฟิลเลอร์ได้ไหม?
สามารถฉีดปากได้ โดยลูกค้าส่วนใหญ่จะนิยมมาฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับ หรือยกมุมปากขึ้น ทั้งนี้ สำหรับผู้ที่ต้องฉีดปากสวย ๆ รูปทรงอื่น สามารถปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการ เพื่อให้คำแนะนำที่ถูกต้องและเหมาะสมกับรูปหน้าที่สุด
อาการแพ้หลังฉีดฟิลเลอร์ปาก มีอะไรบ้าง?
- บวมแดง
- มีอาการติดเชื้อ ปวด เป็นตุ่มหนอง
- รู้สึกร้อนในบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ปาก
- ผิวบริเวณที่ฉีดเปลี่ยนเป็นสีแดงคล้ำ
ฉีดฟิลเลอร์ปากแล้วเป็นก้อน เกิดจากอะไร?
สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย ตั้งแต่การฉีดฟิลเลอร์ปากปลอมหรือฟิลเลอร์ที่ไม่มีอย. ปริมาณฟิลเลอร์ไม่เหมาะสม ไปจนถึงแพทย์ยังไม่มีประสบการณ์มากพอ รวมถึงไม่มีความรู้เกี่ยวกับสรีรวิทยา ทำให้ฉีดฟิลเลอร์ปากกระจับผิดตำแหน่ง จนเกิดเป็นก้อนได้นั่นเอง
ฉีดฟิลเลอร์ปาก อันตรายไหม ?
การฉีดฟิลเลอร์ปาก ถือว่าอันตราย หากใช้บริการกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญการมากพอ รวมถึงหมอกระเป๋าด้วย เนื่องจาก บริเวณริมฝีปากประกอบด้วยเส้นเลือดฝอยขนาดเล็กจำนวนมาก ควรใช้บริการกับแพทย์ผู้ชำนาญเฉพาะทางในคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เพื่อป้องกันกรณีเกิดเหตุสุดวิสัยจะได้แก้ไขได้ทันที
เคยผ่าตัดปากแล้ว ฉีดฟิลเลอร์ปากได้ไหม?
สามารถฉีดฟิลเลอร์ปาก สำหรับปรับทรงปากได้ แต่ไม่สามารถเพิ่มวอลลุ่มได้ หากฉีดฟิลเลอร์จำนวนมากเข้าไปภายในครั้งเดียวจะเกิดก้อนใส ๆ ด้านในปากได้