ปรับรูปหน้าเรียวสวยเข้ารูป สมส่วนอย่างมั่นใจ โดยไม่ต้องผ่าตัด แถมเห็นผลลัพธ์ชัดเจนแบบไม่ต้องเจ็บตัว ด้วยการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ฉีดโบลดกราม ขับเสน่ห์บนใบหน้าให้น่าดึงดูดกว่าที่เคย เสริมความงามอย่างมั่นใจด้วยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการ และนวัตกรรมระดับ Gold Standardกับ PEWDEE CLINIC พร้อมตอบคำถามเรื่องที่ต้องรู้ก่อนตัดสินฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว โดยทีมแพทย์มากประสบการณ์ ฉีดลดกราม ช่วยให้หน้าเรียวได้อย่างไร? โบท็อกซ์กราม ราคาแพงไหม? เลือกฉีดโบท็อกซ์กราม ยี่ห้อไหนดี? ก่อนและหลังฉีดโบลดกราม ข้อห้ามมีอะไรบ้าง? หาคำตอบได้ที่นี่
โบท็อกซ์กราม คืออะไร ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียวได้อย่างไร?
การฉีดโบลดกราม คือ การฉีดสาร Botulinum toxin type A หรือสารโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรียที่มีชื่อว่า คลอสตริเดียม โบทูลินัม (Clostridium Botulinum) เข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) โดยโบท็อกซ์กรามจะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานได้ลดลง และมีขนาดเล็กลง ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็กจริงไหม?
ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว ช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้นจริง โดยการฉีดโบลดกรามเข้าไปบริเวณกล้ามเนื้อกราม ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ที่ทำหน้าที่บดเคี้ยวอาหาร ทำให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัว และมีขนาดเล็กลง ส่งผลให้ใบหน้าดูเรียวเล็กลงนั่นเอง
ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว มีข้อดีอย่างไรบ้าง?
นอกจากการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะช่วยให้ใบหน้าเรียวขึ้นแล้ว ยังมีข้อดีอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- ปรับรูปหน้าให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้แต่ครั้งแรกที่โบท็อกซ์กราม
- เป็นวิธีที่เจ็บน้อยหรือแทบไม่รู้สึกเลย เมื่อเทียบกับวิธีอื่น ๆ เช่น การผ่าตัด การร้อยไหม เป็นต้น
- เป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยหลังทำ ผ่านการรับรองจากอย.ไทย
- ไม่ต้องผ่าตัด และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
- โบท็อกซ์กราม ราคาเอื้อมถึง ไม่แพงมาก
- ใช้เวลาทำไม่นาน แค่ 30-40 นาทีเท่านั้น
โบท็อกซ์ลดกราม ราคาดีที่สุด กับโปรโมชันพิเศษเฉพาะลูกค้า PEWDEE CLINIC
ในส่วนของคำถามที่ว่าโบท็อกซ์กราม ราคาเท่าไรนั้น จะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นยี่ห้อโบท็อกซ์ที่เลือกใช้ ปัญหาผิว จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีด และโปรโมชันของสถานพยาบาลหรือคลินิกด้วย โดยทาง PEWDEE CLINIC มีโบท็อกซ์กรามแบรนด์ดังให้เลือกหลากหลายแบรนด์ พร้อมตอบโจทย์ทุกความต้องการและงบประมาณของลูกค้า และที่สำคัญทุกขั้นตอนการฉีดลดกรามของคลินิกเราคำนึงถึงความปลอดภัย และความต้องการของลูกค้าเป็นอันดับแรก ดังนั้น การดำเนินการรักษาจะทำโดยแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น การันตีความปลอดภัย เห็นผลลัพธ์จริงด้วยรีวิว โบท็อกซ์หน้าเรียวจากผู้ใช้บริการจริง สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามโปรโมชันหรือแพ็กเกจใหม่ ๆ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ฟรีได้ที่นี่
เปรียบเทียบโบท็อกซ์กราม ร้อยไหม และเมโสแฟต แบบไหนดีกว่ากัน?
ต่อกันด้วยคำถามยอดฮิตระหว่างฉีดลดกราม ร้อยไหม และเมโสแฟต (Mesofat) หัตถการแบบไหนดีกว่ากัน ซึ่งทั้ง 3 หัตถการช่วยให้ใบหน้าดูเรียวได้ทั้งหมด แต่มีความแตกต่างกันเรื่องปัญหาของสภาพผิว โดยสามารถสรุปได้คร่าว ๆ ดังนี้
ฉีดโบลดกราม
การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ที่เกิดจากกล้ามเนื้อ โดยการฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว จะยับยั้งการทำงานของระบบประสาท ทำให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัว และมีขนาดเล็กลง ทำให้ใบหน้าดูเรียวเล็ก และกรอบหน้าชัดขึ้นนั่นเอง
ร้อยไหม
ในขณะที่การร้อยไหม เป็นหัตถการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย ให้กลับมาเรียบตึงอีกครั้ง และยังช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน พร้อมลดริ้วรอยบนใบหน้าด้วย
เมโสแฟต (Mesofat)
ส่วนเมโสแฟต (Mesofat) เป็นหัตถการที่เหมาะกับผู้ที่มีไขมันส่วนเกินบริเวณกรอบหน้า ใต้คาง เหนียง โดยเมโสแฟตจะช่วยสลายไขมันสะสมบนใบหน้า ทำให้ผนังไขมันที่จับตัวกันแตกตัวออกจากกัน ก่อนที่ร่างกายจะกำจัดออกไปตามธรรมชาติ ช่วยให้ใบหน้าเรียวเล็กลงอย่างชัดเจนเช่นกัน
โบท็อกซ์กราม ยี่ห้อไหนดี?
ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียวทั้งที เลือกฉีดยี่ห้อไหนดี โบท็อกซ์อเมริกา โบเยอรมัน และโบเกาหลี แตกต่างกันยังไง แบบไหนดีที่สุด สรุปมาให้แล้ว
โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan)
เป็นโบท็อกซ์กรามที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุดถึง 99.5% ทำให้โอกาสที่จะเกิดอาการดื้อโบท็อกซ์ต่ำมาก ประกอบกับให้ผลลัพธ์การรักษาแม่นยำ เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ และมีความคงทนสูง จึงเป็นฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยผลลัพธ์หลังการฉีดโบลดกรามสามารถอยู่ได้นานประมาณ 8-12 เดือน
โบเยอรมัน (Pure Toxin)
ส่วนโบเยอรมันเองก็มีความบริสุทธิ์สูง โอกาสดื้อโบต่ำเช่นกัน เป็นโบท็อกซ์กรามที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก จึงช่วยให้ตัวยากระจายตัวได้ดี ออกฤทธิ์เฉพาะจุด ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง ในราคาสบายกระเป๋า
โบเกาหลี (Botulax)
โบสัญชาติเกาหลี เห็นผลลัพธ์ไว เป็นธรรมชาติไม่แพ้แบรนด์อื่น ระยะเวลาคงทนอยู่ได้สั้นกว่าเล็กน้อย แต่ราคาก็ถูกกว่าแบรนด์อื่น
ฉีดโบท็อกซ์กราม กี่ยูนิต ถึงจะเหมาะสม?
เนื่องจาก บริเวณกล้ามเนื้อกราม เป็นกล้ามเนื้อที่มีความหนากว่าส่วนอื่น ๆ บนใบหน้า ทำให้การฉีดโบลดริ้วรอยใช้ปริมาณยูนิตมากกว่า โดยปริมาณเฉลี่ยที่เหมาะสมจะอยู่ที่ 50-100 ยูนิต ทั้งนี้ จะต้องขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และดุลยพินิจของแพทย์ผู้ทำการรักษาด้วย หากมีกล้ามเนื้อกรามเยอะ อาจจะต้องฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยปริมาณมากกว่าค่าเฉลี่ย หรืออาจน้อยกว่าหากกล้ามเนื้อกรามไม่ใหญ่มาก
ฉีดโบลดกราม ข้อห้ามและข้อควรระวังก่อนฉีดโบท็อกซ์กราม มีอะไรบ้าง?
เพื่อให้ผลลัพธ์มีประสิทธิภาพสูงสุด และลดโอกาสเกิดผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ PEWDEE CLINIC มัดรวมข้อห้าม-ข้อควรระวังที่ควรรู้มาให้ผู้ที่สนใจฉีดลดกรามเตรียมตัวให้พร้อม ก่อนใช้บริการฉีดโบลดริ้วรอย โดยมีรายละเอียด ดังนี้
- งดการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen, Naproxen เป็นต้น ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น วิตามิน E วิตามิน C น้ำมันปลา กระเทียม หรือใบแปะก๊วย ประมาณ 1 สัปดาห์ เพื่อลดการเกิดรอยเขียวช้ำจากอาการเลือดออกใต้ผิวหนังเพิ่มขึ้น
- งดการทาผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ เช่น Tretinoin (Retin-A) เรตินอยด์ (Retinoid) เรตินอล (Retinol) กรดไกลโคลิค (Glycolic Acid)
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 24 ชั่วโมง
- หากเคยผ่าตัด ศัลยกรรมใบหน้า หรือเคยเติมสารเติมเต็มมาก่อน ควรแจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนทำหัตถการทุกครั้ง
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว ยาที่ทานประจำ ประวัติแพ้ยา หรือแพ้อาหาร แจ้งแพทย์ให้ทราบก่อนใช้บริการทุกครั้งเช่นกัน
- งดเลเซอร์ขน เลเซอร์ผิว สครับผิว นวดหน้า บริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามประมาณ 3 วัน
หลังโบท็อกซ์กราม ควรดูแลผิวอย่างไร?
หลังฉีดโบลดกราม แพทย์ผู้ทำการรักษาจะให้คำแนะนำในการดูแลผิวที่เหมาะสม แนะนำให้ปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ผลลัพธ์อยู่ได้นานมากยิ่งขึ้น โดยมีข้อควรปฏิบัติและฉีดโบลดกราม ข้อห้ามหลังการรักษา ดังต่อไปนี้
- ไม่ควรจับหรือนวดบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว เพราะอาจมีผลต่อการกระจายตัวของยา
- หากมีคอร์สทำหน้า นวดหน้า ควรงด 2 สัปดาห์
- หากมีรอยช้ำให้ประคบเย็นที่บ้านต่อ แต่ห้ามนวดหรือประคบอุ่น
- หลีกเลี่ยงการนอนตะแคงหลังการเติม 4 ชั่วโมง เพราะยาอาจเคลื่อนจากตำแหน่งที่แพทย์วางไว้
- ทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ
- ควรนอนหมอนสูงคืนแรกหลังฉีดลดกราม
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ประมาณ 2 สัปดาห์ เพื่อในการออกฤทธิ์ของตัวยามีประสิทธิภาพ
- งดออกกำลังกายหักโหม อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์หลังการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม
- งดทายาหรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของกรดวิตามิน A หรือวิตามิน C ในช่วง 24 ชั่วโมง
- งดการแต่งหน้าเป็นเวลา 12 ชั่วโมง เพื่อลดความเสี่ยงในกการติดเชื้อจากเครื่องสำอาง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสความร้อนโดยตรง รวมถึงกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เพราะจะทำให้โบท็อกซ์กรามสลายไวขึ้น เช่น อาบน้ำ ไดร์เป่าผม อบไอน้ำ และซาวน่า ประมาณ 2-4 สัปดาห์
- งดรับประทานอาหารที่ต้องนั่งหน้าเตาร้อน ๆ อาหารหมักดอง อาหารรสจัด
ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว เหมาะกับใคร ตอบโจทย์คนกลุ่มไหนบ้าง?
การฉีดโบท็อกซ์กราม นอกจากจะตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากกล้ามเนื้อกรามแล้ว ยังสามารถฉีดโบลดกรามได้ทุกเพศ ทุกวัยที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป และยังสามารถตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหา ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่มีปัญหาหน้าดูอ้วนจากกล้ามเนื้อกราม
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เห็นกรอบหน้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ต้องการเสริมความมั่นใจให้กับตัวเอง
- ผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าเรียว โดยไม่ต้องผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการผลลัพธ์เร็ว โดยไม่ต้องพักฟื้น
โบท็อกซ์กราม ไม่เหมาะกับคนกลุ่มไหน ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว?
ถึงแม้การฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะช่วยปรับรูปหน้า และทำให้ใบหน้าเรียวอย่างเป็นธรรมชาติ โดยไม่จำเป็นต้องเจ็บตัว แต่ไม่ใช่ทุกคนที่เหมาะกับการฉีดโบลดกราม โดยเฉพาะผู้ที่มีประวัติเคยแพ้ส่วนผสมของโบท็อกซ์ หรือมีโรคประจำตัว และกลุ่มอื่น ๆ ได้แก่
- ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่จากโครงสร้างกระดูก
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ กำลังให้นมบุตร หรือวางแผนตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ง่าย
- ผู้ที่มีอาการเนื้อเยื่อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง เช่น amyotrophic lateral sclerosis (ALS), Lou Gehrig’s disease, Myasthenia Gravis, Lambert-Eaton syndrome
- ผู้ที่มีปัญหาโรคทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง
- ผู้ที่มีอาการติดเชื้อผิวหนังบริเวณกี่จะฉีดลดกราม ควรรอให้หายจากการติดเชื้อก่อน
- ผู้ที่มีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ หรือมีภาวะติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
โอกาสเกิดผลข้างเคียงหลังฉีดโบลดกราม มีไหม?
โดยทั่วไปแล้วผลข้างเคียงหลังการฉีดโบท็อกซ์กรามมีโอกาสเกิดขึ้นได้ แต่น้อยมาก ๆ โดยทั่วไปอาจจะมีรอยแดงเกิดขึ้น แต่อาการเหล่านี้สามารถหายได้เองตลาดธรรมชาติภายใน 3-7 วัน
โบท็อกซ์กรามมีข้อเสียไหม ?
จริง ๆ แล้ว การฉีดโบลดกรามไม่มีข้อเสียแต่อย่างใด เพียงแต่ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียวไม่ได้คงอยู่ถาวร โดยจะอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน เนื่องจาก การฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ช่วยให้กล้ามเนื้อกรามคลายตัวเท่านั้น ทั้งนี้ ผู้ที่มีปัญหากรามใหญ่ที่เกิดจากแก้มเยอะ หรือกรามใหญ่จากกระดูกกราม จะไม่สามารถแก้ไขด้วยการฉีดลดกราม
แจก 5 จุดสังเกต เช็กโบท็อกซ์กรามแท้-ปลอม ต้องดูยังไง?
เพื่อให้ผลลัพธ์ในการรักษาความปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด ก่อนจะเริ่มฉีดโบท็อกซ์ลดกรามควรเช็กรายละเอียดโบท็อกซ์ให้ดี โดยมีจุดสังเกต ดังต่อไปนี้
- ก่อนฉีดโบท็อกซ์กราม แพทย์จะต้องแกะกล่อง และเปิดขวดใหม่เท่านั้น
- โบท็อกซ์กรามของแท้ จะต้องมีฝาพลาสติกใสปิดกันอยู่ด้านบน
- ด้านข้างนวดโบท็อกซ์จะต้องมีตัวหนังสือภาษาไทย แสดงเลขที่อย.
- วันที่ผลิตและวันหมดอายุที่กล่องกับขวดต้องตรงกัน
- หลังทำการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ควรขอกล่องและขวดบรรจุภัณฑ์กลับบ้าน หรือถ่ายรูปกล่องและขวดเก็บไว้ เลข Lot บนกล่องและขวด เลข Lot บนกล่องและขวดจะต้องตรงกันด้วย
โบท็อกซ์ลดกราม ที่ไหนดี ทำไมควรเลือก PEWDEE CLINIC?
เพราะ PEWDEE CLINIC เป็นคลินิกเสริมความงามที่มีความชำนาญการด้านผิวพรรณและความงาม จากประสบการณ์เฉพาะทางมากกว่า 30 ปี และยังมีจุดเด่นอีกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- นำเข้าและเลือกใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับ Gold Standard เพื่อมอบผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดให้กับลูกค้า
- เพื่อความปลอดภัย และเพื่อความมั่นใจของลูกค้า ทุกขั้นตอนการรักษาจากคลินิกของเรา ดำเนินการรักษาโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการเฉพาะทาง
- สามารถตรวจสอบว่าโบท็อกซ์กรามของเราเป็นของแท้ โดยแพทย์จะทำการแกะกล่องใหม่ ผสมน้ำเกลือ ดูดยาให้ดูต่อหน้า โดยที่ลูกค้าสามารถขอกล่องมาตรวจสอบกับบริษัทนำเข้าได้
- มีการติดตามผลหลังทำ และแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียวอย่างละเอียด
- มีรีวิว โบท็อกซ์หน้าเรียวจากผู้ใช้บริการจริง ในแหล่งที่เป็นกลางและน่าเชื่อถือ
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบท็อกซ์กราม
โบท็อกซ์กราม คืออะไร?
ฉีดโบลดกราม หรือการฉีดโบท็อกซ์ลดกราม เป็นการฉีดสาร Botulinum toxin type A เข้าไปในบริเวณกล้ามเนื้อกราม (Masseter Muscle) ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว และมีขนาดเล็กลง ทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นอย่างชัดเจน โดยไม่จำเป็นต้องผ่าตัด และไม่ต้องพักฟื้น
โบท็อกซ์กราม ยี่ห้อไหนดี
- โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan) : บริสุทธิ์มากที่สุดถึง 99.5% โอกาสดื้อโบท็อกซ์ต่ำมาก ให้ผลลัพธ์การรักษาแม่นยำ เรียบเนียนเป็นธรรมชาติ และมีความคงทนสูง
- โบเยอรมัน (Pure Toxin) : มีความบริสุทธิ์สูง โอกาสดื้อโบต่ำเช่นกัน เป็นโบท็อกซ์ที่มีโมเลกุลขนาดเล็ก ตัวยากระจายตัวได้ดี ให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งตึง ในราคาสบายกระเป๋า
- โบเกาหลี (Botulax) : เห็นผลลัพธ์ไว เป็นธรรมชาติ ระยะเวลาคงทนอยู่ได้สั้นกว่าเล็กน้อย ราคาถูกกว่าแบรนด์อื่น
ฉีดโบท็อกกราม เจ็บไหม ?
ไม่เจ็บ หรือแทบไม่เจ็บเลย เนื่องจาก การจะทำการฉีดโบลดกราม แพทย์จะทำการทายาชาก่อน เมื่อยาชาออกฤทธิ์จึงเริ่มจะทำการฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว เพื่อบรรเทาความเจ็บจากเข็มฉีดยา
โบท็อกซ์กราม กี่วันเห็นผล?
โดยทั่วไป การฉีดโบลดกราม สามารถเห็นผลลัพธ์ได้ตั้งแต่หลังการฉีดโบท็อกซ์กราม และจะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 2-3 เดือน
ฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว อยู่ได้กี่เดือน ?
ตามปกติแล้ว ผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์ลดกรามจะอยู่ได้ประมาณ 8-12 เดือน ทั้งนี้ จะต้องขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีดลดกราม และการดูแลผิวหลังจากใช้บริการด้วย ทั้งนี้ หากต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง สามารถทำการฉีดซ้ำได้ตามความต้องการ และดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย
ฉีดโบท็อกซ์ งดแอลกอฮอล์กี่วัน?
หลังฉีดโบลดกรามควรงดแอลกอฮอล์ 14 วันหลังทำ ถ้าทำไม่ได้จริง ๆ ควรงดอย่างน้อย ในช่วง 3–4 วันแรก
ฉีดโบท็อกซ์กรามแล้วหน้าจะตอบ จริงไหม ?
เป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้ หากใช้บริการกับแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญการมากพอ หรือกรณีที่เกิดจากการฉีด โบท็อกกรามปริมาณมากเกินไป หรือผิดตำแหน่ง ทำให้กล้ามเนื้อด้านบนยุบจนดูหน้าตอบ และทำให้กระดูกโหนกแก้มดูนูนเด่นขึ้นมาได้
ฉีดโบท็อกซ์ลดกราม อันตรายไหม?
ฉีดโบท็อก หน้าเรียวไม่อันตรายแต่อย่างใด หากใช้บริการกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เนื่องจาก โบท็อกกรามแต่ละแบรนด์ที่สถานพยาบาลหรือคลินิกเหล่านั้นเลือกใช้ ผ่านอย.ไทยมีความปลอดภัยสูง หากดำเนินการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการผลลัพธ์ที่ได้จะออกมามีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการ
ฉีดโบกรามแล้วเหนียงเยอะขึ้น เกิดจากอะไร?
จริง ๆ แล้ว การฉีดโบลดกรามอย่างเดียว จะทำให้กรามมีขนาดเล็ก ส่งผลให้ผิวหนังตรงส่วนคอเยอะขึ้น แนะนำให้ฉีดโบท็อกลดกรามคู่กับโบลิฟกรอบหน้า จะช่วยให้ผิวกระชับพอดี
ฉีดโบท็อกกรามซ์ แล้วแก้มห้อย เกิดจากอะไร?
เกิดจากการที่มีไขมันสะสมบริเวณแก้มมาก เมื่อกล้ามเนื้อกรามมีขนาดเล็กลง แก้มจึงห้อยลงมา เนื่องจาก การฉีดโบท็อกซ์ หน้าเรียว ไม่สามารถลดไขมันบริเวณแก้มได้