เจาะลึกโบท็อกซ์ลดริ้วรอย นวัตกรรมความงามฟื้นคืนผิวสวย ย้อนคืนผิวกระชับเรียบเนียน โดยไม่ต้องผ่าตัดกับ PEWDEE CLINIC ทำความรู้จักโบท็อกซ์ริ้วรอยฉบับปูฟื้นฐาน ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย ช่วยลดริ้วรอยได้จริงไหม? ฉีดโบลดริ้วรอย กี่ยูนิต? ฉีดโบลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล? ฉีดโบลดริ้วรอย ที่ไหนดี? ฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามกินอะไรบ้าง? ฉีดโบ โบ ริ้วรอย อย่างปลอดภัยผ่านมาตรฐานสากล ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาที่ดีที่สุด พร้อมอัปเดตเทรนด์ความงาม 2024 กับเรา
ฉีดโบลดริ้วรอย คืออะไร โบ ริ้วรอย มีกระบวนการทำงานอย่างไร?
โบท็อกซ์ลดริ้วรอย คือ การฉีดสาร Botulinum Toxin A หรือสารโบท็อกซ์ ซึ่งเป็นสารสกัดจากแบคทีเรีย Clostridium Botulinum มีคุณสมบัติในการคลายกล้ามเนื้อ เมื่อฉีดสารโบริ้วรอยเข้าไปในบริเวณที่เกิดริ้วรอยบนใบหน้า จะช่วยลดเลือนริ้วรอยตามจุดต่าง ๆ ได้ เช่น ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก โบท็อกซ์หางตา โบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นต้น และช่วยป้องกันการเกิดริ้วรอยในอนาคตด้วย
ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย ช่วยลดเลือนริ้วรอยได้จริงไหม?
การฉีดโบ ริ้วรอยช่วยลดเลือนริ้วรอยได้จริง เนื่องจาก กลไกของฉีดโบลดริ้วรอย จะออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (Neurotoxin) ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัวภายใน 48-72 ชั่วโมง ส่งผลให้ริ้วรอยบนใบหน้าคลายตัว และจางลง การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยจึงสามารถแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะริ้วรอยตื้น ๆ หรือริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงสีหน้า เช่น ตีนกา ริ้วรอยร่องแก้ม เป็นต้น
ฉีดโบลดริ้วรอย ดีจริงไหม?
ถ้าความต้องการของคุณ คือ การลดเลือนริ้วรอยบนใบหน้า ฟื้นคืนผิวกระชับเรียนเนียนอีกครั้ง การฉีดโบลดริ้วรอยตอบโจทย์คุณแน่นอน โดยโบริ้วรอยถือเป็นหัตถการที่ดีมาก ๆ และสามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด ที่สำคัญ ยังสามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ และจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจนภายใน 1-2 สัปดาห์อีกด้วย
มัดรวมข้อดีของการฉีดโบลดริ้วรอย
นอกจากโบท็อกซ์จะช่วยย้อนอายุผิวให้กลับมาเต็งตึง และลดเลือนริ้วรอยได้อย่างตรงจุดแล้ว การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยยังมีข้อดีหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็น
- เห็นผลลัพธ์เร็ว และชัดเจนตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย
- ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาไม่แพง นักศึกษาหรือเด็กจบใหม่ก็สามารถทำได้
- ช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยได้อนาคตได้
- โบท็อกซ์ริ้วรอย ช่วยป้องกันริ้วรอยเล็ก ๆ พัฒนาไปเป็นริ้วร่องลึกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ฟื้นคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิว ลดอายุผิวได้อย่างตรงจุด
- ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการชีวิตมากขึ้น
- ไม่ต้องเตรียมตัวเยอะ และไม่จำเป็นต้องพักฟื้น
บอกลาริ้วรอยอย่างมั่นใจ ฉีดโบลดริ้วรอย ราคาคุ้มที่สุด เฉพาะลูกค้า PEWDEE CLINIC
การฉีดโบลดริ้วรอย ราคาเท่านั้น โดยทั่วไปจะต้องขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบริ้วรอย จำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีด รวมถึงโปรโมชันของสถานพยาบาลหรือคลินิกที่ใช้บริการด้วย โดยทาง PEWDEE CLINIC มีโบท็อกซ์ให้เลือกหลายแบรนด์ในราคาพิเศษจากโปรโมชันสุดคุ้มประจำเดือน บอกลาริ้วรอยอย่างมั่นใจฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยอย่างปลอดภัยหลังทำ สวยด่วน ทันใจ เห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่ครั้งแรกโดยทีมแพทย์ผู้ชำนาญการมากประสบการณ์กับเรา สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดตามโปรโมชันหรือแพ็กเกจใหม่ ๆ พร้อมบริการปรึกษาแพทย์ฟรีได้ที่นี่
ริ้วรอยบนใบหน้าเกิดจากอะไร มีกี่ประเภท?
โดยทั่วไปริ้วรอยสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ได้แก่ อายุที่มากขึ้น กลไกการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินลดน้อยลง การแสดงสีหน้าบ่อย ๆ ผิวแห้งขาดน้ำ การเผชิญกับมลภาวะในชีวิตประจำวัน ทั้งแสงแดด ควันรถ ฝุ่น PM 2.5 เป็นต้น พฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น ความเครียด พักผ่อนน้อย ทานน้ำน้อย ไม่บำรุงผิว ไม่ทาครีมกันแดด ดื่มแอลกอฮอล์ และสูบบุหรี่ เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เกิดริ้วรอยบนใบหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
โดยริ้วรอยบนใบหน้าสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท ได้แก่ Dynamic Line, Static Line และ Wrinkle Fold ซึ่งแต่ละประเภท ก็จะมีลักษณะแตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
Dynamic Line
เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อซ้ำ จะเห็นได้ชัดเวลาแสดงทางสีหน้าบ่อย ๆ เช่น รอยตีนกา รอยขมวดคิ้ว รอยย่นบนหน้าผาก เป็นต้น ซึ่งริ้วรอยประเภทนี้ สามารถแก้ไขได้ด้วยการโบริ้วรอย
Static Line
ใขณะที่ Static Line เป็นริ้วรอยที่เกิดจากการสูญเสียคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวสูญเสียความยืดหยุ่น ส่งผลให้ใบหน้าหย่อนคล้อย เกิดริ้วรอยบริเวณต่าง ๆ บนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา หรือริ้วรอยบริเวณหน้าผาก เป็นต้น ซึ่งริ้วรอยในส่วนนี้ก็สามารถแก้ไขได้ด้วยการฉีดโบลดริ้วรอยเช่นกัน
Wrinkle Fold
ส่วน Wrinkle Folds เป็นริ้วรอยร่องลึกที่เกิดจากความหย่อนคล้อย สังเกตได้ตามบริเวณร่องแก้ม หรือใต้ตาซึ่งริ้วรอยประเภทนี้ ไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย
โบท็อกซ์ริ้วรอย ฉีดตำแหน่งไหนได้บ้าง ?
โบท็อกซ์ริ้วรอย สามารถฉีดได้หลายตำแหน่ง โดยผู้ใช้บริการกับ PEWDEE CLINIC นิยมฉีดโบลดริ้วรอย 4 ตำแหน่งที่สามารถสังเกตเห็นริ้วรอยได้ง่าย ได้แก่ ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว โบริ้วรอยหางตา และโบท็อกซ์ริ้วรอยร่องแก้ม ซึ่งแต่ละตำแหน่งจะมีรายละเอียดแตกต่างกันไป โดยมีรายละเอียดน่าสนใจ ดังต่อไปนี้
ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก
การฉีดโบท็อกซ์หน้าผากช่วยแก้ปัญหาริ้วรอย หรือรอยพับบริเวณหน้าผากได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งริ้วรอยตำแหน่งนี้จะเห็นได้ชัดเจนแสดงสีหน้า เช่น การยกคิ้ว ยิ้ม หรือหัวเราะ เป็นต้น
ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว
ส่วนโบท็อกซ์ริ้วรอยระหว่างคิ้ว เป็นบริเวณนี้เกิดริ้วรอยได้ง่ายมาก ซึ่งสาเหตุส่วนใหญ่จะมาจากการขมวดคิ้ว ซึ่งการฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณนี้ จะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัว ทำให้ผิวบริเวณนั้นเรียบเนียนอีกครั้ง ทั้งนี้ บริเวณระหว่างคิ้ว เป็นตำแหน่งที่มีเส้นประสาทจำนวนมาก ดังนั้น ผู้ที่สนใจฉีดโบท็อกซ์บริเวณนี้จึงเลือกใช้บริการกับแพทย์ผู้ชำนาญการเท่านั้น
โบริ้วรอยหางตา หรือโบท็อกซ์ตีนกา
โบริ้วรอยบริเวณรอบดวงตา และบริเวณใต้ตา เป็นอีกหนึ่งบริเวณที่หลายคนมีปัญหา เนื่องจาก เป็นบริเวณที่เกิดริ้วรอยที่สุด ไม่ว่าจะเกิดจากอายุที่มากขึ้น การแสดงสีหน้า หรือนิสัยชอบขยี้ตาก็ตาม ทำให้ใบหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส การฉีดโบลดริ้วรอยบริเวณนี้ ช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวชั่วคราว ทำให้ริ้วรอยจางลงและดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ และเช่นเดียว การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยบริเวณนี้ จะต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ หากดำเนินการโดยผู้ไม่มีประสบการณ์ จะทำให้ตาดูแข็ง ไม่เป็นธรรมชาติได้
โบท็อกซ์ริ้วรอยร่องแก้ม
และฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยร่องแก้ม หรือรอยย่นบริเวณแก้มที่เกิดจากผิวหย่อนคล้อย การฉีดโบริ้วรอยร่องแก้ม ช่วยให้ผิวข้างแก้มเรียบเนียนกระชับขึ้น โบท็อกซ์ริ้วรอยร่องแก้ม ตอบโจทย์เฉพาะผู้ที่มีร่องแก้มตื้น ๆ เท่านั้น
ไขข้อสงสัยฉีดโบริ้วรอย ใช้กี่ยูนิต ถึงจะเห็นผลลัพธ์ชัดเจน?
ก่อนอื่นต้องทำความเข้าใจก่อนว่า การฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยแต่ละตำแหน่ง จะใช้ปริมาณไม่เท่ากัน ทั้งนี้ ต้องขึ้นอยู่กับปัญหาผิว และความต้องการของผู้ใช้บริการเป็นหลัก ซึ่งแพทย์ผู้ชำนาญการจะทำการประเมินผิวก่อน เพื่อแนะนำปริมาณฉีดโบลดริ้วรอยที่เหมาะสมในแต่ละเคส โดยจำนวนยูนิตที่ใช้ในการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยแต่ละจุด สามารถประมาณการคร่าว ๆ ได้ ดังต่อไปนี้
- ฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก : ใช้ปริมาณโบท็อกซ์ประมาณ 10-30 ยูนิต
- ฉีดโบลดริ้วรอยระหว่างคิ้ว : ใช้ปริมาณโบท็อกซ์ประมาณ 10-25 ยูนิต
- โบท็อกซ์ลดริ้วรอยหางตา : ใช้ปริมาณโบท็อกซ์ประมาณ 25 ยูนิต
- โบริ้วรอยบริเวณใต้ตา : ใช้ปริมาณโบท็อกซ์ประมาณ 2-4 ยูนิต
ฉีดโบลดริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี ?
สำหรับผู้ที่ยังลังเล และยังไม่แน่ใจว่าควรจะเลือกโบท็อกซ์ริ้วรอย ยี่ห้อไหนดี? เรารวบรวมข้อมูลมาให้แล้ว เปรียบเทียบจุดเด่น 3 ยี่ห้อโบท็อกซ์ลดริ้วรอยยอดนิยมที่สุดในปัจจุบัน ได้แก่ โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan) โบเยอรมัน (Pure Toxin) และโบเกาหลี (Botulax)
โบท็อกซ์อเมริกา (Allergan)
ประเดิมด้วยโบท็อกซ์ลดริ้วรอยแบรนด์ดังจากอเมริกาอย่าง Allergan เป็นยี่ห้อที่มีความบริสุทธิ์สูงที่สุดถึง 99.5% จึงลดโอกาสที่จะเกิดการดื้อยา และให้ผลลัพธ์แม่นยำและเป็นธรรมชาติ โดยผลลัพธ์หลังการโบริ้วรอยสามารถอยู่ได้นานถึง 8-12 เดือน
โบเยอรมัน (Pure Toxin)
Pure Toxin เป็นโบริ้วรอยสัญชาติเยอรมัน เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ผู้ใช้บริการ PEWDEE CLINIC นิยมเลือกใช้ เนื่องจาก มีความบริสุทธิ์สูง เสี่ยงต่อการดื้อโบต่ำเช่นเดียวกับโบท็อกซ์อเมริกา เบาสบายผิว ให้ผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ นอกจากนี้ ตัวยายังมีโมเลกุลขนาดเล็ก ทำให้ผลลัพธ์เฉพาะจุด
โบเกาหลี (Botulax)
ในขณะที่ Botulax เป็นโบริ้วรอยสัญชาติเกาหลี โดดเด่นด้วยความอ่อนโยนและความบริสุทธิ์ แถมยังมีราคาจับต้องได้ จึงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กับ Allergan และ Pure Toxin
ก่อนและหลังฉีดโบลดริ้วรอย ควรเตรียมตัวอย่างไรบ้าง?
นอกจากยี่ห้อโบท็อกซ์ จะเป็นปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาคงอยู่ของโบท็อกซ์ลดริ้วรอยแล้ว การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนเข้าใช้บริการฉีดโบลดริ้วรอย และการดูแลผิวหลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยเองก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งนอกจากจะช่วยให้ผลลัพธ์ที่ได้หลังฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยออกมามีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังฉีดได้อีกด้วย โดยมีรายละเอียด ดังต่อไปนี้
ก่อนฉีดโบลดริ้วรอย ควรเตรียมตัวหรือดูแลผิวแบบไหนถึงจะเหมาะสม?
- งดใช้ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen, Diclofenac, Ponstan และ Naproxen อย่างน้อย 2 สัปดาห์
- งดทานวิตามินและอาหารเสริมส่งผลต่อการไหลเวียนโลหิต เช่น วิตามิน E วิตามิน C น้ำมันปลา หรือใบแปะก๊วย อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย
- งดดื่มแอลกอฮอล์ 24 ชั่วโมง
- หากเคยผ่าตัด ทำศัลยกรรมบนใบหน้า หรือเคยเติมสารเติมเต็มมาก่อน จะต้องแจ้งแพทย์ก่อนฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย
- ผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือมีประวัติแพ้ยา และแพ้อาหาร จะต้องแจ้งกับแพทย์ก่อนฉีดโบริ้วรอยทุกครั้งเช่นกัน
- งดสครับ และเลเซอร์ผิว บริเวณที่ต้องการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยประมาณ 2-3 วัน
ฉีดโบลดริ้วรอย ข้อห้ามหลังฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย มีอะไรบ้าง?
- หากมีอาการปวดหรือบวม สามารถประคบเย็นต่อได้ แต่ห้ามนวดหรือประคบอุ่น
- งดดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ประมาณ 1-2 สัปดาห์ เพื่อลดการขยายตัวของเส้นเลือด ซึ่งเป็นที่มาของรอยช้ำ
- งดจับ กด หรือนวดบริเวณที่ฉีดแรง ๆ เพราะอาจทำให้ยากระจายตัว
- หลังรักษา 4 ชั่วโมง เป็นช่วงที่ตัวยากำลังซึมเข้าสู่กล้ามเนื้อ ไม่ควรนอนราบหรือนอนตะแคง เพราะยาอาจเคลื่อนจากตำแหน่งที่แพทย์วางไว้
- หลีกเลี่ยงการทำเลเซอร์ใบหน้า ประมาณ 2-3 สัปดาห์
- งดทำกิจกรรมที่สัมผัสความร้อนโดยตรง และกิจกรรมที่ทำให้หน้าแดง เช่น ซาวน่า อบไอน้ำ ออกกำลังกาย เป็นต้น อย่างน้อย 1 สัปดาห์
- หลีกเลี่ยงทานอาหารรสจัด และอาหารที่อยู่หน้าเตาร้อน ๆ
- งดแต่งหน้า 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการติดเชื้อจากเครื่องสำอาง
- งดออกกำลังกายอย่างหักโหม อย่างน้อย 1-2 สัปดาห์
โบท็อกซ์ริ้วรอย เหมาะกับใครบ้าง?
เพราะเรื่องริ้วรอยเป็นอะไรที่ไม่มีใครอยากเจอ การฉีดโบลดริ้วรอยจึงตอบโจทย์ความต้องการคนหลายกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็น
- ผู้ที่เริ่มมีปัญหาริ้วรอยบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยรอบดวงตา หน้าปาก หรือร่องแก้ม เป็นต้น
- ผู้ที่ต้องการป้องกันริ้วรอยในอนาคต
- ผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการให้ผิวกระชับ ดูอ่อนเยาว์
- ผู้ที่ต้องการยกคิ้ว ทำให้ตาดูโตขึ้น ช่วยให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าวัย
ใครบ้างที่ไม่ควรฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย โบริ้วรอย ไม่เหมาะกับใคร?
แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยจะช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยได้อย่างตรงจุด ในราคาสบายกระเป๋า แต่ก็ใช่ว่าทุกคนจะสามารถฉีดโบริ้วรอยได้หมด เพราะบางทีการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาหรือเข้าข่ายเกณฑ์ ดังต่อไปนี้
- ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร
- ผู้ที่มีประวัติแพ้ง่าย
- ผู้ที่มีปัญหาเนื้อเยื่อหรือกล้ามเนื้ออ่อนแรง
มัดรวม 3 กลโกงโบท็อกซ์ริ้วรอย ที่ต้องระวัง
ด้วยความที่โบท็อกซ์ลดริ้วรอยได้รับความนิยมมาก ๆ ในปัจจุบัน ทำให้หลายสถานพยาบาลและคลินิกต่างงัดโปรโมชันเด็ด ๆ ออกมาดึงดูดใจผู้บริโภค ซึ่งอาจเป็นโอกาสที่คลินิกบางแห่งฉวยโอกาสเอาเปรียบลูกค้าได้ โดยกลโกงโบท็อกซ์ริ้วรอยที่ควรระวังก่อนฉีด มีดังนี้
ผสมน้ำเกลือมากกว่าปกติ เกินปริมาณที่ควรจะเป็น
เปิดกลโกงแรกที่คลินิกไม่ได้มาตรฐานนิยมใช้ เนื่องจากช่วยลดต้นทุนได้ดี จึงสามารถออกโปรโมชันราคาถูก เพื่อดึงดูดใจลูกค้า โดยโบริ้วรอยที่ผสมน้ำเกลือเกินมาตรฐาน ผลลัพธ์ที่ได้หลังการฉีดจะไม่ชัดเจนหรือไม่เห็นผล และอาจมีอาการบวมหรือช้ำมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วย
ฉีดโบลดริ้วรอยปลอม
สังเกตได้จากฉลาก และกล่อง โดยโบริ้วรอยจะมีราคาถูก ทำให้สามารถทำโปรโมชันในราคาถูกกว่าปกติได้ หากฉีดโบลดริ้วรอยปลอมเข้าไป นอกจากจะไม่เห็นผลลัพธ์แล้ว ยังมีสารตกค้าง และเกิดอันตรายต่อร่างกายได้ ดังนั้น ก่อนจะฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอยควรทำการตรวจสอบโบท็อกซ์ก่อนทุกครั้ง
ใช้โบหิ้ว ซึ่งเป็นโบริ้วรอยที่ไม่ผ่านการรับรองมาตรฐาน
เป็นอีกหนึ่งกลโกงที่พบได้เยอะมากในปัจจุบัน เนื่องจาก โบท็อกซ์ลดริ้วรอยเหล่านี้มีราคาถูก ไม่ต้องเสียภาษี และค่าขนส่งที่มีการควบคุมอุณหภูมิ ถึงแม้ว่าโบริ้วรอยนั้นจะเป็นของแท้ก็ตาม แต่การขนส่งที่ไม่ได้มาตรฐาน ทำให้โบนั้น ๆ เสื่อม และไม่มีคุณภาพ ดังนั้น หากฉีดโบเหล่านี้เข้าไป นอกจากจะเสียเงินฟรีแล้ว ยังไม่เห็นผลลัพธ์ตามที่ต้องการอีกด้วย
ฉีดโบลดริ้วรอย ที่ไหนดี ทำไมต้องเลือก PEWDEE Clinic ดีกว่าที่อื่นอย่างไร?
PEWDEE CLINIC เป็นคลินิกชำนาญการด้านความงามและผิวพรรณมามากกว่า 30 ปี การันตีผลลัพธ์หลังทำเห็นผลชัดเจน และเป็นธรรมชาติในราคาจับต้องได้ และยังมีจุดเด่นอีกหลาย ไม่ว่าจะเป็น
ออกแบบการรักษาที่เหมาะสมและตอบโจทย์ที่สุดสำหรับคุณ
เพราะปัญหาเรื่องริ้วของแต่ละคนไม่เหมือนกัน แพทย์ผู้ชำนาญการของเราจะทำการวิเคราะห์ปัญหาริ้วรอยแต่ละตำแหน่งบนใบหน้า พร้อมออกแบบการรักษาที่เหมาะสม โดยจะอิงจากความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก และปรับเทคนิคการทำหัตถการต่าง ๆ แบบรายบุคคล เพื่อให้ได้การรักษาที่เหมาะสมกับคนไข้ 100%
ทีมแพทย์ผู้ชำนาญการมากประสบการณ์ เฉพาะทางด้านความงามและผิวพรรณ
ทีมแพทย์ทุกท่านของ PEWDEE CLINIC ของเรา ทุกท่านจบการศึกษาเฉพาะทางด้านผิวหนัง มีความรู้ความชำนาญการ พร้อมอัปเดตเทรนด์ความอยู่สม่ำเสมอ มั่นใจผลลัพธ์การรักษาตรงจุด ในราคาจับต้องได้
ติดตามผลลัพธ์ออนไลน์
ถึงแม้การรักษาจะจบไปแล้ว แต่ทาง PEWDEE Clinic ของเราจะมีการติดตามผลลัพธ์ทุกเคส เพื่อให้ผลลัพธ์ทางการรักษามีประสิทธิภาพสูงสุด เพราะความพึงพอใจของลูกค้าเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญมากที่สุด
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับโบลดริ้วรอย
ฉีดโบลดริ้วรอย เจ็บไหม?
ก่อนฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยเราจะทำการทายาชาก่อนทำการฉีดทุกครั้ง เพื่อลดอาการเจ็บระหว่างการฉีด โดยระหว่างการฉีดลูกค้าอาจรู้สึกเจ็บเพียงเล็กน้อย หรือแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย กี่วันเห็นผล ?
หลังฉีดโบริ้วรอย สามารถเห็นผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่ทำ ทั้งนี้ จะเริ่มเห็นผลลัพธ์ชัดเจนประมาณ 1-2 สัปดาห์ จะพบว่าริ้วรอยต่าง ๆ บนใบหน้าดูจางลง และเรียบเนียนกระชับมากยิ่งขึ้น
ผลลัพธ์หลังฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอย อยู่ได้นานแค่ไหน?
โดยทั่วไป ผลลัพธ์ที่ได้หลังจากการฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย จะสามารถอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ทั้งนี้ จะต้องขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ลดริ้วรอย จำนวนยูนิต และดูแลผิวหลังจากใช้บริการด้วย หากต้องการคงผลลัพธ์ต่อเนื่อง สามารถทำการฉีดซ้ำได้ตามความต้องการ และดุลยพินิจของแพทย์ที่ทำการรักษาด้วย
ฉีดโบลดริ้วรอย ห้ามกินอะไร?
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และสูบบุหรี่ 2 สัปดาห์
- งดทานอาหารรสจัด หมักดอง และอาหารที่ต้องอยู่หน้าเตาร้อน ๆ เช่น ชาบู หมูกระทะ ปิ้งย่างต่าง ๆ
ผลข้างเคียง โบท็อกซ์ริ้วรอย มีอะไรบ้าง?
ฉีดโบลดริ้วรอยเป็นหัตถการที่มีความปลอดภัยสูง มีโอกาสที่จะเกิดผลข้างเคียงน้อยมาก โดยอาการที่พบได้จะมีเพียงรอยแดงเท่านั้น ซึ่งอาการเหล่านี้ไม่เป็นอันตราย และสามารถหายได้เองตามธรรมชาติ
ฉีดแล้วมีอาการดื้อโบ คืออะไร มีสาเหตุจากอะไรบ้าง?
คือ การฉีดโบลดริ้วรอยแล้วไม่เห็นผล หรือไม่ได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้ โดยสามารถเกิดได้จาก 2 สาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
- ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยมากเกิน หรือถี่จนเกินไป เกิดสารตกค้างภายในร่างกาย ร่างกายจึงสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ไม่เห็นผลลัพธ์หลังการฉีด หรือเกิดอาการดื้อโบนั่นเอง
- โบท็อกซ์ลดริ้วรอยที่ฉีดเป็นของปลอม หรือเป็นโบริ้วรอยที่ไม่มีคุณภาพ จากตัวยาที่ไม่มีคุณภาพ หรือมีการปนเปื้อน ทำให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันต่อต้าน จนเกิดอาการดื้อโบได้
ฉีดโบท็อกซ์ลดริ้วรอย มีข้อเสียไหม ?
จริง ๆ แล้วการฉีดโบลดริ้วรอยไม่มีข้อเสียแต่อย่างใด เพียงแต่ผลลัพธ์หลังการฉีดโบท็อกซ์หน้าผาก โบท็อกซ์ลดริ้วรอยไม่ได้คงอยู่ถาวร โดยจะอยู่ได้ประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับยี่ห้อโบท็อกซ์ริ้วรอยและปริมาณโบริ้วรอย ตำแหน่งที่ฉีด ความลึกของริ้วรอยเหี่ยวย่น ปริมาณกล้ามเนื้อของคนไข้แต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน และการดูแลตนเองหลังการฉีดโบลดริ้วรอยด้วย
โบท็อกซ์ลดริ้วรอยของ เช็กได้อย่างไร มีจุดสังเกตตรงไหนบ้าง?
- บนกล่องมี QR Code ให้สแกนตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับโบท็อกซ์
- มีฝาพลาสติกใสปิดทับอยู่ด้านบนของขวดโบท็อกซ์
- มีตัวหนังสือภาษาไทยเกี่ยวกับข้อมูลของโบท็อกซ์บนกล่อง และขวด
- บนกล่อง และขวดโบท็อกซ์จะต้องมี่เลขที่อย. วันที่ผลิต และวันที่หมดอายุตรงกัน
- ระบุว่า โบท็อกซ์นำเข้าประเทศโดยบริษัทอะไร
หยุดฉีดโบริ้วรอยแล้ว หน้าจะแก่กว่าเดิมไหม?
ในความเป็นจริง หลังหยุดฉีดโบลดริ้วรอยไม่ได้ทำให้หน้าแก่กว่าเดิมตามที่หลายคนเชื่อ เพียงแต่ริ้วรอย หรือปัญหาผิวต่าง ๆ ที่เคยสามารถแก้ไขได้ด้วยโบท็อกซ์ริ้วรอยจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ เพราะโบท็อกซ์ลดริ้วรอยสลาย หรือหมดอายุจากการฉีดครั้งสุดท้ายแล้ว
ฉีดโบลดริ้วรอย อันตรายไหม?
ฉีดโบท็อกซ์ริ้วรอยไม่อันตรายแต่อย่างใด หากใช้บริการกับคลินิกหรือสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เนื่องจากโบริ้วรอยแต่ละยี่ห้อที่ผ่านอย.ไทยมีความปลอดภัยสูงสามารถสลายได้เอง และดำเนินการรักษาโดยแพทย์ผู้ชำนาญการผลลัพธ์ที่ได้จะออกมามีประสิทธิภาพและตรงตามความต้องการของลูกค้า